"หลวงปู่คีบ ธีรปญฺโญ" วัดป่าสุทธาวาส เกจิหมอยา-อายุยืน108ปีแห่งอีสานเหนือ ศิษย์"ปู่สนธิ์-ปู่คาร"/สายพุทธาคมปู่สีทัตถ์
- อ.อนุชา ทรงศิริ
- 13 มี.ค. 2567
- ยาว 1 นาที
"หลวงปู่คีบ ธีรปญฺโญ" วัดป่าสุทธาวาส
เกจิหมอยา-อายุยืน108ปีแห่งอีสานเหนือ
ศิษย์"ปู่สนธิ์-ปู่คาร"/สายพุทธาคมปู่สีทัตถ์
ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอประวัติ"หลวงปู่คีบ ธีรปญฺโญ"
อายุ 108 ปี วัดป่าสุทธาวาส บ้านค้อ หมู่ 2 ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม พระดีเกจิดังแห่งอีสานเหนือ ศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่สนธิ์ สุรชโย วัดท่าดอกแก้ว, หลวงปู่คาร คันธิโย วัดโพธิ์ชัย อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม อดีต2เกจิศิษย์หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน วัดพระธาตุท่าอุเทน
พื้นเพท่านเป็นชาวบ้านค้อ ต.บ้านค้ออ.ท่าอุเทน จ.นคร พนม มีนามเดิมว่า "นายคีบ" นามสกุล"จำปา" เกิดเมื่อวันที่ 10 ส.ค.2458 ในใบสุทธิและบัตรประชาชนระบุว่าเกิด พ.ศ.2463 ญาติเล่าว่าแจ้งเกิดช้า 4 ปี เนื่องจากสมัยก่อนตัวบ้านอยู่ห่างไกลจากตัว อ.ท่าอุเทน (อ.โพนสวรรค์) ในปัจจุบัน
บิดา-มารดาชื่อนายกวบ และนางปุ้ม เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้องร่วมอุทร 6 คน ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา
เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านค้อ ต.บ้านค้อ อ.ท่าอุเทน (ปัจจุบันอ.โพนสวรรค์) จ.นครพนม ได้เข้าพิธีบรรพชาที่วัดโพธิ์สุม ต.บ้านค้อ โดยมีหลวงพ่อกงมา เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่ศึกษาเล่าเรียนธรรมบาลี ปริยัติธรรมกับพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง ต่อมาได้สมัครไปเรียนนักธรรมตรี ที่สำนักวัดศรีทอง บ้านโพนสวรรค์ ต.โพนสวรรค์ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ในสมัยนั้นมีพระอธิการเกิด เป็นเจ้าอาวาส และพระผู้สอนพระอาจารย์ผัน บ้านรามราช ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม
ต่อมา พ.ศ.2478 จึงเข้าพิธีอุปสมบท ที่พัทธสีมาวัดโพธิ์สุม ต.บ้านค้อ มีเจ้าอธิการบุญจันทร์ กตปุญโญ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการหนูพิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สวย เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลังบวชได้ศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติพระกรรมฐานธุดงค์วัตรตามสถานที่ต่างๆ ปลีกวิเวก เข้ากราบศึกษาธรรมกับพระอาจารย์หลายรูป อาทิ หลวงปู่สนธิ์ สุรชโย วัดท่าดอกแก้ว หลวงปู่คาร คันธิโย วัดโพธิ์ชัย ซึ่งทั้งสองท่านเป็นศิษย์หลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโน วัดพระธาตุท่าอุเทน จวบจนสำเร็จสรรพวิชาต่างๆ จึงลาสิกขาบทออกมาช่วยบุพการีซึ่งแก่ชรา หาเลี้ยงชีพด้วยการทำนา เป็นเสาหลักครอบครัว หลังจากพี่ชายคนแรกเสียชีวิต
ห้วงที่ใช้ชีวิตเป็นฆราวาส ได้ศึกษาตำรายาสมุนไพร รักษาโรค เป็นหมอธรรมและหมอยา เชี่ยวชาญการใช้ยาสมุนไพร และคาถากำกับในการปรุงยารักษาโรคจนมีความเชี่ยวชาญ
โดยได้สมรสครองเรือนมีบุตรธิดา 2 คน (ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว)
ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2520 ได้ไปจำพรรษาที่วัดชุมพล บ้านพานพร้าว ต.พานพร้าว อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และได้ธุดงค์ไปในสถานที่ต่างๆ ก่อนจะไปจำพรรษาที่วัดบ้านหนองบัว
ต่อมาในปี 2524 ท่านได้เข้าสอบนักธรรมชั้นตรี ได้รับผลสำเร็จนักธรรมชั้นตรี ต่อมาจนจบนักธรรมโท และนักธรรมชั้นเอกเป็นอันสูงสุด และกลับออกมาธุดงค์วัตรเหมือนเดิม จนกระทั่งในปี 2527 ท่านธุดงค์ไปภูเพ็ก ได้สร้างกุฏิไว้หนึ่งหลัง ใช้เวลาหลายปี ก่อนหยุดพักการธุดงค์เพราะอายุที่มากขึ้นและในปี 2531จึงธุดงค์กลับบ้านเกิด จำพรรษาที่วัดโพธิ์สุม ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม อยู่สักพักใหญ่
ท่านมีปัญหาด้านสุขภาพไม่สะดวกในการประกอบกิจสงฆ์ ลูกหลานเลยให้ลาสิกขาเพื่อออกมารักษาตัวอยู่พักหนึ่งจนปกติ จึงอุปสมบทอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2541 ที่พัทธสีมาวัดศรีสว่าง ต.โพนจาน อ.โพนสวรรค์ มีพระครูบวรธรรมโมภาส เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการเก่ง กามวโร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และพระอธิการใจ อคฺถากโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์
หลวงปู่คีบท่านเป็นพระนักปฏิบัติและเมตตาสูง อีกทั้งยังเป็นหมอยารักษาคน แม้ท่านจะอายุมากแต่ก็แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว สุขภาพดี อีกทั้งเป็นพระผู้มักน้อย สันโดษ ไม่รับยศตำแหน่งใดๆ ด้วยวัยที่ชรามาก อีกทั้งบุตรธิดาทั้ง 2 คนได้เสียชีวิต ท่านจึงมุ่งมั่นปฏิบัติธรรมที่วัดในมาตุภูมิ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวบ้านและสาธุชนทั่วไปที่เลื่อมใสศรัทธา
Комментарии