top of page
ค้นหา

หลวงปู่บุญมา กตปุญโญ(หลวงปู่เจ)-83ปี เกจิสายกรรมฐานวัดป่าวิเวกธรรม กาฬสินธุ์ ศิษย์สายตรง"หลวงพ่อคง"วัดเขาสมโภชน์

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 2 ส.ค. 2567
  • ยาว 1 นาที

หลวงปู่บุญมา กตปุญโญ(หลวงปู่เจ)-83ปี

เกจิสายกรรมฐานวัดป่าวิเวกธรรม กาฬสินธุ์

ศิษย์สายตรง"หลวงพ่อคง"วัดเขาสมโภชน์


ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ร่วมเผยแพร่ประวัติเกียรติคุณของพระดีเกจิดังแห่งเมืองน้ำดำ. หลวงปู่บุญมา กตปุญโญ (หลวงปู่เจ) ประธานสงฆ์วัดป่าวิเวกธรรม ต.ธัญญา อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์

ศิษย์เอกสายตรง"หลวงพ่อคง จตฺตมโล” ผู้มีฉายา (พระอรหันต์ร่างทอง) แห่งวัดเขาสมโภชน์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี


ท่านมีนามเดิมว่า "บุญมา แก้วปัญญา" เกิดเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๘๓ ณ บ้านเลขที่ ๙๗ หมู่ ๔ บ้านพยอม ตำบลดินดำ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด บิดาชื่อ นายมี แก้วปัญญา มารดาชื่อ นางลี แก้วปัญญา

อุปนิสัย ฉันอาหารเจ ละเว้นการเบียดเบียน มีเมตตาธรรมและความเพียรเป็นเลิศ


หลวงปู่ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร จนอายุครบอุปสมบทท่านก็ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระในสังกัดมหานิกายที่วัดบ้านเกิด โดยได้ศึกษาเล่าเรียนทั้งปริยัติและปฏิเวธ อักษรธรรม การเขียนอักขระเลขยันต์ต่างๆ จากท่านเจ้าอาวาสในสมัยนั้นจนแตกฉาน


ท่านกล่าวว่า “ท่านเองเป็นคนเรียนหนังสือเก่ง และเป็นคนว่านอนสอนง่าย” เจ้าอาวาสที่เป็นพระอาจารย์ของท่านมักยกย่องและชื่นชมอยู่เสมอ แต่ด้วยคนอีสานสมัยก่อนลำบาก ยากจน บิดา-มารดาจึงขอร้องให้ท่านออกมาครองเพศเป็นฆราวาส เพื่อจะได้เป็นกำลังหลักหาเลี้ยงครอบครัว ท่านเองเลยจำใจและตัดสินใจลาสิกขาออกมาครองเพศเป็นฆราวาส เพื่อเลี้ยงดูพ่อ-แม่ และครอบครัว


หลังจากออกมาครองเพศบรรพชิต ท่านยังคงถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด มีงานปฏิบัติธรรมที่ไหน ถ้าทราบข่าวท่านก็ไปร่วมตลอดเกือบทุกงาน และหาเลี้ยงครอบครัวด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ครองตน ครองเรือนด้วยศีลธรรม” เป็นที่นับหน้าถือตาของชาวบ้าน จนชาวบ้านขนานนามท่านว่า ”ญาพ่อธรรมเจ”


ต่อมาอีกหลายสิบปีท่านตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิต สละทุกอย่างทางโลกแล้วเข้าอุปสมบทคครั้งที่2 ณ วัดอรุณรังษี ตำบลบางลูกเสือ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก

สังกัด มหานิกาย เมื่อวันที่ ๑ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๓ เวลา ๐๙.๓๐ น.

โดยมี พระครูอรุณวิริยกิจ (หลวงพ่อสายตาบ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เทือง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ประสิทธิ์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์


หลังอุปสมบทแล้วท่านได้ศึกษาเล่าเรียนกรรมฐานและสรรพวิชาต่างๆเบื้องต้นกับพระหลวงพ่อสายตาบ ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์อยู่ระยะหนึ่ง จนกระทั่งวันหนึ่งมีพระรูปหนึ่งธุดงค์มาพักแรมที่วัดอรุณรังษี ท่านเลยเข้าไปสนทนาด้วยจึงได้ทราบว่าพระรูปนี้เดินทางมาจากวัดเขาสมโภชน์ซึ่งได้ไปศึกษาเล่าเรียนกรรมฐานเปิดโลกกับ”หลวงพ่อคง”และเล่าประสบการณ์ที่ได้ไปศึกษากับหลวงพ่อคงให้ท่านฟัง


เมื่อท่านได้ฟังอย่างนั้นจึงเกิดความสนใจและอยากไปศึกษา”กรรมฐานเปิดโลก”ที่วัดเขาสมโภชน์ จึงกราบลา”หลวงพ่อสายตาบ”และออกเดินทางไปศึกษาธรรมกรรมฐานเพิ่มเติมที่”สำนักกรรมฐานเปิดโลก"กราบฝากกายถวายชีวิตเป็นลูกศิษย์"หลวงพ่อคง จตฺตมโล” ผู้มีฉายา (พระอรหันต์ร่างทอง) แห่งวัดเขาสมโภชน์ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี


ในเบื้องต้นหลวงพ่อคงแนะนำหลักการปฏิบัติกรรมฐานเปิดโลกให้ฟังอย่างละเอียดและให้ท่านนำกลับไปปฏิบัติ ท่านเล่าว่า ”การได้เข้าไปปฏิบัติในวัดเขาสมโภชน์สมัยนั้น ท่านรีบเร่งทำความเพียรจนเกิดความรู้ภายในต่างๆก้าวหน้าจากเดิมไปมาก หากติดขัดอะไรก็เข้าไปถามหลวงพ่อคง ท่านก็แก้ให้จนสามารถปฏิบัติไปได้โดยลำดับ


ในสมัยนั้นท่านมีหมู่คณะที่ศึกษาอยู่ร่วมกันหลายรูปพอสมควร” เมื่อท่านอยู่ที่วัดเขาสมโภชน์สักระยะหนึ่ง เมื่อได้หลักการปฏิบัติกรรมฐานแล้ว ประกอบกับหลวงพ่อคงได้มรณภาพลง ท่านจึงตัดสินใจออกเดินทางธุดงค์ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาลำเนาไพรไปยังพื้นที่ต่างๆ ลงไปทางภาคใต้ถึงอำเภอสวี จังหวัดชุมพร กลับขึ้นมาทางเหนือถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อนกลับมาภาคอีสานอีกครั้งเพื่อเดินทางสู่บ้านเกิด


ท่านได้กลับไปสร้างวัดป่าแห่งหนึ่งใกล้บ้านเกิดของท่านคือวัดป่าสิบเก้า บ้านบึงโดน ในช่วงเวลานี้ ท่านก็ยังออกธุดงค์ไปๆมาๆอีกหลายสถานที่ โดยมีโอกาสไปสนทนาธรรมและขอสรรพวิชาพระคาถาต่างๆ กับพระเทพวิทยาคม ”หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ” แห่งวัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา และได้พักจำวัดอยู่วัดบ้านไร่หลายครั้ง


เมื่อเดินทางออกจากวัดบ้านไร่ท่านก็แวะไปสนทนาธรรมและพักกับ “หลวงพ่อทอง ชินวํโส” วัดป่าหิมพานต์ อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา(สหายธรรมของท่าน) ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางกลับมาจำพรรษาประจำอยู่ที่วัดป่าวิเวกธรรม อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ด้วยวัดแห่งนี้ท่านก็เป็นหนึ่งในผู้มาร่วมบุกเบิกโคกป่าช้า ๗ หมู่บ้าน ร่วมพลิกแผ่นดินแผ่นป่าให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาร่วมกับ“พระอาจารย์ยุทธ จันทสาโร”ผู้เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อทอง ชินวํโส

ต่อมาวันหนึ่งหลวงปู่เจนิมิตเห็นถ้ำแห่งหนึ่ง มีพญานาค ๒ ตน เฝ้ารักษาอยู่ พญานาค ๒ ตนนี้ได้มากราบนิมนต์ท่านให้ไปจำพรรษา ณ สถานที่ดังกล่าว (ความเชื่อส่วนบุคคล)ท่านจึงออกเดินธุดงค์อีกครั้งตามนิมิต และในที่สุดก็ไปเจอถ้ำนี้อยู่ที่เขาลูกหนึ่ง ในเขตอำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านจึงจำพรรษาอยู่ที่นั่นหลายพรรษา


หลวงปู่เจเล่าว่า ”ที่ถ้ำพญานาคแห่งนี้สมัยนั้นลำบากมาก ระยะทางจากถ้ำลงไปยังหมู่บ้าน เดินลงไปรับบิณฑบาตรมาฉันในแต่ละวัน ระยะทางไปกลับ ๑๐ กิโล ใช้เวลาเกือบ ๑ ชั่วโมงในแต่ละวัน หลวงปู่ท่านปฏิบัติอย่างเอาเป็นเอาตาย เร่งทำความเพียรอย่างมาก เดินจงกรม นั่งภาวนา เจริญจิตเมตตาภาวนาทุกวัน เจริญสติ เจริญปัญญา เพื่อชำระกิเลสน้อยใหญ่ภายในใจของตน ท่านว่า ”ท่านได้ธรรมมาเป็นเครื่องครองใจของตน ณ ถ้ำแห่งนี้ ”


หลวงปู่นับว่าเป็นพระสงฆ์รูปแรกที่จำพรรษาและได้บุกเบิกนำความเจริญเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ ก่อนที่จะกลับลงมาจำพรรษาที่วัดป่าวิเวกธรรมอีกครั้งตามคำอาราธนานิมนต์ของ พระอาจารย์ยุทธ จันทสาโร พร้อมทายกทายิกาวัดป่าวิเวกธรรม ด้วยเหตุที่ว่าหลวงปู่ต้องกลับมาเป็นกำลังหลักในการสร้างวัดป่าวิเวกธรรมแห่งนี้เพราะท่านเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนในเขตนั้นเป็นอย่างมาก ประกอบกับท่านก็ชราภาพมากแล้วตามอายุสังขาร ท่านจะได้มีลูกพระ ลูกเณร ญาติโยมค่อยดูแลอุปัฏฐากกอย่างใกล้ชิด หลวงปู่ท่านก็ตอบรับกลับมาจำพรรษาที่วัดป่าวิเวกธรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน


วัดป่าวิเวกธรรม เป็นศูนย์ปฏิบัติธรรมประจำอำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ มีพระ เณร ร่วมจำพรรษานับ 10 รูป ในทุกๆปีในช่วงเดือนมกราคมของทุกปีวัดจะมีการจัดโครงการเข้าปริวาสกรรม และปฏิบัติธรรม ออกเดินธุดงค์ธรรมะสัญจรไปยังสถานที่สำคัญต่างๆเช่น พระธาตุพนม พระธาตุนาดูน พระธาตุยาคู เทือกเขาภูพาน มีพระสงฆ์ สามเณรและพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมปฏิบัติธรรมไม่ต่ำกว่าปีละ 200 คน และในช่วงเดือน เมษายน ของทุกปีก็ทางวัดก็จะจัดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนเฉลิมพระ เกียรติ มีนักเรียน นักศึกษา พุทธศาสนิกชนเข้าร่วมโครงการเป็นอย่างมาก


หลวงปู่บุญมา กตปุญโญ หรือ (หลวงปู่เจ) ท่านเป็นพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มุ่งเน้นเรื่องการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ท่านเป็นพระที่มักน้อย พูดน้อย ชอบความวิเวก สันโดษ มีเมตตาเป็นเลิศ มีความเพียรเป็นเลิศ ละเว้นการเบียดเบียน ประพฤติตนอยู่ในพระธรรมวินัย รักษาข้อวัตรปฏิบัติ รักษาพระธรรมวินัย เป็นพระผู้ปฏิบัติตนตามรอยแห่งองค์พระศาสดาและเป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนอย่างแท้จริง


ด้านการจัดสร้างวัตถุมงคล ในปี ๒๕๖๐ ทางคณะกรรมการวัดป่าวิเวกธรรม ได้จัดสร้างเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่ขึ้น เพื่อเป็นที่ระลึกกฐินสามัคคีและนำออกมาให้ญาติโยมได้บูชาโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาปัจจัยก้อนแรกในการก่อสร้างอุโบสถ และหลังจากปี ๒๕๖๐เป็นต้นมาทางวัดก็ได้อนุญาตให้คณะบุคคลต่างๆได้เข้ามาจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่เรื่อยมาโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหาปัจจัยสมทบทุนในการก่อสร้างอุโบสถให้แล้วเสร็จเป็นถาวรวัตถุคู่พระพุทธศาสนาสืบไป


เรียบเรียง/เผยแผ่โดยนายภานุพล เทพดู่ (ครูจ๊อด) พร้อมคณะศิษย์ หลวงปู่บุญมา กตปุญโญ (หลวงปู่เจ)


 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page