top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

"หลวงปู่บุญยอ ขันติโก"วัดเทพนัดดา จ.นครพนม ศิษย์ไสยเวทย์รูปสุดท้าย สำนักหลวงปู่ญาถ่านหลักคำ

"หลวงปู่บุญยอ ขันติโก" วัดเทพนัดดา จ.นครพนม ศิษย์ไสยเวทย์รูปสุดท้าย สำนักหลวงปู่ญาถ่านหลักคำ

ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอประวัติ พระดีเกจิดังแห่งเมืองนครพนม.. พระครูโสภิตพุทธิคุณ หรือ "พระอธิการบุญยอ" หรือ"หลวงปู่ยอ ขันติโก" เจ้าอาวาสวัดเทพนัดดา ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ศิษย์รูปสุดท้ายแห่งสำนักหลวงปู่ญาถ่านหลักคำ พระผู้มากด้วยไสยเวทย์แห่งลุ่ม"แม่น้ำก่ำ" แม่น้ำสายวัฒน ธรรมพันปีที่เชื่อมต่อทอดยาวลงสู่แม่น้ำโขง

ท่านมีนามเดิมว่า "บุญยอ" นามสกุล"จันทะวัง" เกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พศ .2473 ที่บ้านนาหนาด ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม บิดาชื่อ นายชาย มารดาชื่อ นางจอม ประกอบอาชีพทำไร่ทำสวน สมัยนั้นการเดินทางไปอำเภอค่อนข้างลำบาก ทำให้แจ้งเกิดช้าไปเกือบสามสี่ปี ซึ่งถือเป็นเหตุปกติในชนบทสมัยนั้น

ในวัยเด็กถือว่าท่านเป็นเด็กฉลาดมาก เรียนรู้และท่องจำได้เร็วกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน สอบได้อันดับต้นๆเรื่อยมา แม้ท่านจะมีปฏิญาณไหวพริบดี แต่ก็เรียนจบเพียงชั้นประถม 4 แล้วออกมาช่วยครอบครัวทำงาน ช่วงอายุ 16-17 ปี มีโอกาสไปค้าขายต่างเมือง ทำอาชีพนายห้อย ไล่ต้อนวัวควาย หรือรับซื้อไปกับกลุ่มพ่อค้าในละแวกหมู่บ้าน ค่ำใหนนอนนั้นบางครั้งไปไกลถึงเมืองปราจีนบุรี

ด้วยเหตุที่ต้องเดินทางบ่อย จึงมีความสนใจในทางด้านไสยเวทย์ โดยเข้าไปหาหมอธรรมพื้นบ้าน หมอไล่ผีตามหมู่บ้านต่างๆในสมัยนั้น อีกทั้งเรียนรู้เรื่องความคงกระพันบ้าง เมตตามหานิยมบ้าง ท่านเองก็ไม่แพ้หนุ่มๆวัยเดียวกัน ที่เที่ยวไปตามวัย แต่ก็แปลกอยู่อย่างแม้ท่านจะคึกคะนองเพียงใดในชีวิตที่ผ่านมาท่านไม่เคยออกครองเรือนเลย

กระทั่งในวัย 20 ปีกว่าๆ ท่านได้บรรพชาอุปสมบท ณ วัดบ้านหนองหอย ต.พุ่มแก อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งขณะนั้น “หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ วัดธาตุมหาชัย ท่านมาจำพรรษาอยู่ ณ บ้านหนองหอย ท่านจึงมีโอกาสได้รู้จักและมีความสนิทสมกันอย่างมาก

ต่อมาท่านได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดเทพนัดดา อ.ธาตุพนม จ.นครพนม และได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสในปีพ.ศ.2502 ขณะที่ท่านอายุได้ 29 ปี หลังจากนั้นอายุประมาณ 30ต้นๆท่านก็ได้รับตำแหน่ง "พระอธิการ" และในปี พศ.2525 ได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็น “พระครูโสภิตพุทธิคุณ ”

วัดเทพนัดดาแห่งนี้ เป็นที่ตั้งสำนักเก่าแก่โบราณที่มีชื่อเสียงในเรื่องวิชาโบราณต่างๆ และอดีตบูรพาจารย์ที่โด่งดังคือ "หลวงปู่ญาถ่านหลักคำ" หรือ "หลวงปู่ทองคำ" ผู้สืบสายวิชาสองฝั่งโขงจากหลวงปู่ญาคูขี้หอม หรือชาวบ้านตั้งชื่อท่านว่า "พระครูโพนสะเม็ก" ตำนานผู้บูรณะองค์พระธาตุพนม โดยลูกศิษย์จากสำนักวัดแห่งนี้ได้ดี มีวิชาติดตัวไปหลายท่าน ในสมัยก่อนนั้นโดดเด่นทางด้านตะกรุด เมตตามหานิยม มีประสบการณ์เล่าขานมากมาย

ด้วยเหตุนี้ หลวงปู่บุญยอจึงได้รับตำรามนต์คาถาโบราณต่างๆที่เป็นมรดกตกทอดจากบูรพา จารย์ที่ท่านทิ้งไว้ให้ เพราะหลังจากหลวงปู่หลักคำมรณภาพ สรรพวิชาต่างๆนั้นก็มิได้สูญไปกับท่าน ยังมีศิษย์ท่านองค์หนึ่งได้รับสรรพวิชาต่างๆมาสืบทอดให้หลวงปู่บุญยออีกทอดหนึ่ง ซึ่งท่านบอกว่าจำชื่อพระอาจารย์องค์นั้นไม่ได้ เพราะท่านมรณภาพก่อนที่ท่านจะเกิดเกือบ 60 ปี

ปัจจุบันนี้เอกสารหลักฐานเก่าแก่ต่างๆเหล่านี้ก็ยังคงปรากฏให้เห็นที่วัดซึ่งหลวงปู่เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี

หลวงปู่บุญยอท่านที่มีความสนใจทางด้านเวทมนต์ไสยศาสตร์ต่างๆเป็นทุนตั้งแต่หนุ่มๆอยู่แล้ว พอท่านเข้ามาสู่ร่มกาสาวพัสตร์ยิ่งมีโอกาสศึกษาค้นขว้าตำรา หรือเดินทางไปศึกษากับพระอาจารย์ต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเดินทางข้ามฝั่งประเทศลาวเพื่อไปขอศึกษาวิชากับสมเด็จลุน แต่ท่านบอกว่าไม่ได้พบเพราะหาตัวยากมาก จึงได้ศึกษาเล่าดรียนจากศิษย์ของสมเด็จลุนเท่านั้น โดยท่องธุดงค์ไปกับสหายธรรม2-3ท่านซึ่งปัจจุบันมรณภาพไปหมดแล้ว

ช่วงหนึ่งท่านได้ไปปฏิบัติธรรมกับอาจารย์สอนกรรมฐานที่มีชื่อเสียงในขณะนั้นคือ พระอาจารย์เสน่ห์หรือจันดี ที่วัดเหล่าโพนค้อ บ้านโพนค้อ จ.สกลนคร อีกทั้งการฝึกฝนร่ำเรียนด้วยตัวเองในป่าเขาแถบมุกดาหารและสกลนคร และข้ามไปประเทศลาวทางฝั่งจังหวัดมุกดาหาร

ท่านชอบความวิเวกลี้ลับ สงบเงียบ จึงเดินธุดงค์ไปหลายที่ เคยไปหาเหล็กไหลก็มี ยิ่งสถานที่ที่ผีดุๆท่านยิ่งชอบ เช่น นครพนม มุกดาหาร สกลนคร หรือข้ามไปฝั่งลาวไปหมด บางทีเข้าถ้ำเข้าป่าลึกๆก็ยังไปเห็นพระในถ้ำเยอะมาก รู้สึกแปลกใจไม่รู้ใครเอาไปไว้ แต่ไม่เคยนำออกมาจากถ้ำกลัวเจ้าของเขาหวง

สหายธรรมที่ชอบเดินทางไปด้วยกันนั้น ท่านต้องยอมรับว่ามีอาคมแก่กล้า โดยเฉพาะ"หนังเหนียว" ครั้งหนึ่งมีโจรไปดักปล้นแย่งย่ามไป ท่านไม่ยอม โจรจึงใช้มีดปาดเข้าที่คอหอย 3-4 ที ปรากฏว่าไม่เข้า มีแค่เพียงรอยถลอกเท่านั้น ทำเอาโจรตกใจพากันวิ่งหนีกระเจิงไป

ทางภาคเหนือเคยธุดงค์ลัดเลาะริมโขงไปถึงเชียงใหม่ โดยตั้งใจจะไปกราบหลวงปู่แหวนวัดดอยแม่ปั๋งเพื่อขอเรียนกรรมฐาน แต่ท่านมรณภาพเสียก่อน เลยได้แต่ไปกราบสักการะท่านเท่านั้น ส่วนทางภาคใต้ท่านเคยธุดงค์ลงไปทางภูเก็ต, พังงา,สตูล แล้วลัดเลาะไปเรื่อยๆจนถึงมาเลเซีย ได้พบเกจิชื่อดังเมืองไทยด้วยท่านหนึ่งซึ่งไปสร้างวัดที่มาเลเซีย แต่นึกชื่อไม่ออก ช่วงที่ลงไปทางนั้นได้เหล็กไหลติดกลับมาส่วนหนึ่ง แต่ให้คนที่มาขอไปหมดแล้ว

สำหรับวิชาที่โดดเด่นของหลวงปู่บุญยอที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้างนั้นคือ การรักษาอาการคนวิกลตกจริต ผีเข้าผีสิง หรือไล่ผีปอบ ซึ่งท่านเรียนมาจากหลวงปู่ที่วัดนาคำ บ้านนาคำ สมัยนั้นเป็นวิชาที่ขอเรียนค่อนข้างยาก ต้องตื้ออยู่นานกว่าท่านจะสอนให้ นอกจากนี้ ยังได้เรียนการทำตะกรุดกับพระอาจารย์องค์หนึ่งในอำเภอดงหลวง ตะกรุดของท่านมีทหารเอาไปลองยิงหลายกระบอก แต่ก็ยิงไม่ออก

สมัยที่ท่านยังแข็งแรงและมีสุขภาพดีมีชื่อเสียงอย่างมากในการขับไล่ภูติผีต่างๆ ไม่ว่าบ้านใกล้เรือนเคียงหรือจังหวัดอื่นๆยังต้องมาขอพึ่งใบบุญให้ท่านช่วยขจัดปัดเป่าโรคภัยต่างๆ รวมถึงสะเดาะเคราะห์ อาบน้ำมนต์,ตรวจดวงชะตา โดยไม่ได้เรียกร้องปัจจัยใดๆ แล้วแต่ศรัทธาบูชาครู

ปัจจุบันหลวงปู่บุญยอยังคงมีชื่อเสียงทางนี้อยู่เพียงแต่ท่านชราภาพมากแล้ว จึงไม่ค่อยรับทำเพื่อพักผ่อนถนอมสังขาร แม้ปัจจุบันท่านอายุถึง 91 ปีแล้ว แต่ร่างกายยังคงแข็งแรงมาก สายตายังดี มีสมาธิทำงานจักสานต่างๆได้เดิมเหมือน และเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองนครพนม และจังหวัดใกล้เคียง










ดู 1,809 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comentarios


bottom of page