top of page
ค้นหา

"หลวงปู่บุญเหลือ"วัดโคกปี่ฆ้อง เกจิหมอยาอาคมขลังเมืองสระแก้วศิษย์หลวงพ่อทอง-หลวงปู่โห

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 7 ส.ค. 2564
  • ยาว 2 นาที

"หลวงปู่บุญเหลือ"วัดโคกปี่ฆ้อง เกจิหมอยาอาคมขลังเมืองสระแก้ว ศิษย์หลวงพ่อทอง-หลวงปู่โห

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอประวัติ พระดีเกจิดังแห่งสระแก้ว .. หลวงปู่บุญเหลือ สํวโร"วัดโคกปี่ฆ้อง อายุ 86 ปีศิษย์สายวิชาพระครูรัตนสราธิคุณ หรือ"หลวงพ่อทอง วัดสระแก้ว" และ "หลวงปู่โห วัดพุทธิสาร" 2เกจิยุคสงครามอินโดจีน

ท่านมีนามเดิม "บุญเหลือ" หรือ "จ่อย" นามสกุล "ฆ้องจันดา" เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2478 ตรงกับ วันแรม 13 ค่ำ เดือน 5 ปีชวด ณ บ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 4 บ้านลุงพลู ต.โคกปี่ฆ้อง อ.สระแก้ว จ.ปราจีนบุรี (ปัจจุบันคืออ.เมือง จ.สระแก้ว) บิดาชื่อ นายกล่ำ มารดาชื่อนางเล็ก ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกร ทำไร่อ้อยน้ำตาล,ไร่มันสำปะหลัง,ทำสวน

ช่วงเยาว์วัยอาศัยวัดวาอารามเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ ไปเรียนบ้าง ไม่ไปบ้าง สุดท้ายก็ไม่ได้ไปเรียน เพราะต้องช่วยเหลือครอบครัวทำงาน ในช่วงวัยรุ่นไปรับจ้างทำงานเกษตรกรรมใน ตำบลโคกปี่ฆ้อง ที่เป็นแหล่งการปลูกอ้อยน้ำตาลและมันสำปะหลัง จนกระทั่งอายุครบเกณฑ์ทหารเมื่อปี พ.ศ.2498 ท่านเป็นคนรูปร่างเล็กไม่เข้าเกณฑ์การจับใบดำใบแดง

แต่เผอิญในปีนั้นจำนวนทหารเกณฑ์ไม่ครบตามที่กำหนดไว้ และประเทศชาติกำลังมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง รวมถึงลัทธิคอมมิวนิสต์เข้าครอบงำผู้คนที่มีความคิดเห็นต่าง เป็นเหตุให้ท่านต้องเข้ารับราชการทหารในสังกัดมณฑลทหารบทที่ 12 ค่ายจักรพงษ์ จ.ปราจีนบุรี

ในระหว่างรับราชการทหารได้มีโอกาสไปฝากตัวเป็นศิษย์พระครูศีลคุณวัฒนาทร หรือ "หลวงปู่โห พุทฺธสโร" วัดพุทธิสาร ต.หนองหมากฝ้าย อ.วัฒนานคร จ.ปราจีนบุรีในขณะนั้น ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงอภิญญาในยุคสงครามอินโดจีนแห่งเมืองปราจีนบุรี เมื่อว่างเว้นภารกิจได้ลาราชการทหารมาศึกษาเล่าเรียนสรรพวิชาการแพทย์แผนไทยกับ หลวงพ่อโหเป็นประจำ

ทั้งนี้ หลวงพ่อโหเป็นศิษย์ของ"หลวงพ่อบุคคโล ภูริปญฺโญ" วัดป่าช่องกุม ต.ช่องกุ่ม อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว พระเกจิผู้เฒ่ามากพรรษากาล พรรษาธรรมแห่งปราจีนบุรี มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ทราบกันดีในความพิเศษพิสดาร

ชาวบ้านเชื่อกันว่า หลวงพ่อบุคคโล ขณะมีชีวิตสามารถหายตัวได้ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์บันดาลน้ำ บันดาลไฟ บันดาลลม บันดาลฝน ให้ตกลงมาในพื้นแผ่นดิน เวลาท่านเดินไปแข่งฝน ฝนตกมาก็ไม่เปียกหลวงพ่อบุคคโล ย่อย่นแผ่นดิน หายตัวได้จำแลงแปลงกายได้

ที่เพ่งเล็งถึงฌานสมาบัติชั้นสูง พระอภิญญาณวิถี 6 พระวิปัสสนาญาณวิถี 8

หลังปลดประจำการในปี พ.ศ.2501 ขณะอายุได้ 23 ปี ท่านได้เข้าอุปสมบทครั้งแรก ณ วัดสระแก้ว อ.สระแก้ว จ.ปราจีนบุรี โดยมี พระครูรัตนสราธิคุณ (หลวงพ่อทอง รัตนสาโร) วัดสระแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูปัญญาสรคุณ (หลวงพ่อพิมพ์) วัดรีนิมิตร เป็นพระกรรมวาจารย์ พระครูใบฎีกาบุญรอด พุทฺธสโร วัดโคกปี่ฆ้อง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

แต่บางกระแสกล่าวว่า ท่านอุปสมบท ณ วัดศาลาลำดวน อ.สระแก้ว จ.ปราจีนบุรี โดยมี พระครูธรรมยานประยุต (หลวงพ่อบุญเลี้ยง) วัดศาลาลำดวน เป็นพระอุปัชฌาย์

สำหรับพระเกจิอาจารย์ที่หลวงปู่บุญเหลือได้ฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาอาคมต่างๆคือ หลวงพ่อทอง และหลวงปู่ออม วัดสระแก้ว,หลวงพ่อพิมพ์ วัดรีนิมิตร (บ้านแก้ง) ,หลวงพ่อบุญเลี้ยง วัดศาลาลำดวน รวมทั้งไปศึกษาเพิ่มเติมด้านอักขระ เลขยันต์ พระคาถาอาคมต่างๆกับหลวงพ่อโห วัดพุทธิสาร(หนองหมากฝ้าย)

หลวงปู่บุญเหลืออุปสมบทอยู่3พรรษาก็ลาสิกขาออกมามีครอบครัว โดยมีบุตรี 6 คน และบุตรชายบุญธรรม 1คน ในช่วงนี้ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทางหมอสูตร หมอมนต์ หมอธรรม ตามประเพณีนิยมในท้องถิ่นแนวตะเข็บชายแดนที่มีการผสมผสานระหว่าง ไทยอีสาน กับไทยเขมร ที่มีสำนักหมอสูตร หมอมนต์ หมอธรรมที่มีชื่อเสียงอยู่ประจำท้องถิ่นมากมาย

ความรู้ต่างๆเหล่านี้ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ทั้งการรักษาโรคพยาธิด้วยการแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์แผนโบราณด้วยว่านยาสมุนไพร ทั้งการรักษาอาการทางจิตด้วยพระคาถาอาคม การประกอบพิธีต่อดวงชะตาชีวิต ด้วยพิธีกรรมการเซ่นไหว้บูชา การเจริญพระพุทธมนต์ ให้แก่เทวดาประจำวันเกิด พระราหู พระเกตุ ที่กำลังเสวยอายุ ทั้งการสะเดาะเคราะห์ ด้วยการอาบน้ำพระพุทธมนต์ เป็นต้น

หลวงปู่บุญเหลือได้เที่ยวสืบเสาะตามหาหมอสูตร หมอมนต์ หมอธรรม ครูบาอาจารย์เจ้าทั้งหลาย ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีใน เมืองปราจีนบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ และเลยเข้าไปถึงเมืองเสียมเรียบ เมืองเสียมราบ ประเทศกัมพูชา ที่ถือเป็นแหล่งชุมนุมพระเวทในศาสตร์สายวิชาไสยนิกายพราหมณ์สูตร เขาพนมกุเลน หรือ เขาลิ้นจี่ เพื่อศึกษาเปรียบเทียบในกระบวนการของพิธีกรรมที่เป็นการควบรวมของ สองลัทธิ สามศาสนา ทางความเชื่อที่เน้นไปในการใช้พระคาถา มนตรา บทสวดต่างๆ ตามแต่ลักษณะของความทุกข์ร้อนยากลำบากของผู้คนที่มาหา

ทั้งนี้หน้าที่ของหมอสูตร หมอมนต์ หมอธรรม คล้ายเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณทางสังคมในแต่ละชุมชนผู้คนชาวชนบทที่มีการสืบทอดต่อเนื่องประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ได้รับความนิยมกันมาอย่างยาวนานนับเป็นเวลาหลายร้อยปี แต่การที่จะมาทำหน้าที่ หมอสูตร หมอมนต์ หมอธรรม ได้นั้น มีทั้งที่ต้องผ่านการบวชสืบต่อต่อช่วงกันมาในตระกูลวงศ์ว่านเครือ และ มีทั้งที่ต้องไม่ผ่านบวช คือ ผู้ที่มาฝากตัวเป็นศิษย์ในสำนัก ถือเป็นผู้ที่มีความเสียสละอุทิศตนให้แก่สังคมในชุมชนโดยสุจริตใจ ไม่มุ่งหวังลาภสักการบูชาใดๆ

ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตการครองเรือนจึงเข้าอุปสมบทอีกครั้ง เมื่อวันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2548 ตรงกับวันอาสาฬหบูชา ณ วัดโคกปี่ฆ้อง โดยมี พระครูธำรงสิริวัฒน์ (บุญทา) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดอัศวิน ธมฺมาลโย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการฉลอง ปญฺญาทีโป เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "สํวโร" แปลว่า "ผู้มีความสำรวมระวัง"

จากนั้นท่านได้มาจำพรรษาและเล่าเรียนพระธรรมวินัยที่วัดลุงพลู หมู่ที่ 4 บ้านลุงพลู ต.โคกปี่ฆ้อง อ.เมือง จ.สระแก้ว จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2556 พระครูธำรงสิริวัฒน์ (บุญทา)มรณภาพจึงย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดโคกปี่ฆ้องตามคำอาราธนานิมนต์ของทายกทายิกา เพื่อมารักษาการเจ้าอาวาสวัดโคกปี่ฆ้อง ต่อมาท่านได้ทำหนังสือถึงทางคณะสังฆมนตรีจังหวัดสระแก้วแต่งตั้งให้ "หลวงปู่วาด ปิยสีโล" ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดโคกปี่ฆ้องจนถึงปัจจุบัน

วัดโคกปี่ฆ้อง ตั้งอยู่หมู่ 9 บ้านใหม่กุดชีวา ต.โคกปี่ฆ้อง อ.เมือง จ.สระแก้ว เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เดิมขึ้นอยู่กับคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรี เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาก่อน ปี พ.ศ.2500 ปรากฏหลักฐาน คือ อุโบสถสร้างเมื่อปี พ.ศ.2506 บูรณปฏิสังขรณ์ เมื่อปี พ.ศ.2535 พื้นที่วัดประมาณ10 ไร่เศษ อดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงเป็นพระเกจิอาจารย์คือ "หลวงพ่อบุญรอด พุทฺธสโร"




 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page