top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

"หลวงปู่แผ้ว ผลฺปัญโญ"ยอดพระเกจิเขาอ้ออายุ90ปี

สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง

ศิษย์พระอาจารย์ปาล-หลาน"พระอาจารย์นำ"

เกจิสายตรง"เขาอ้อ"ผู้สำเร็จวิชากสิณไฟ

หนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอประวัติพระเกจิดังขมังเวทย์สายเขาอ้อ "หลวงปู่แผ้ว ผลฺปัญโญ" แห่งสำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมบ้านใสหลวง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ท่านเป็นหลานแท้ๆของ “พระอาจารย์นำ ชินวโร"วัดดอนศาลา” อีกทั้งเป็นศิษย์สายตรงสืบทอดพุทธาคมจาก 2เสาหลักแห่งสำนักเขาอ้อคือ พระครูรัตนาภิรัตน์ หรือ"ตาหลวงเน" วัดควนปันตาราม และพระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม วัดเขาอ้อ

ท่านเป็นผู้สำเร็จวิชากสิณไฟ ทางลัดสู่ขั้นฌาน กสิณไฟ เป็นกรรมฐานกองที่มีพลังมากที่สุดในการปฏิบัติสมาธิภาวนา อุบายธรรมทางลัดสู่กรรมฐาน ทางลัดสู่การแสดงฤทธิ์ กายทิพย์ตาทิพย์ จิตเนรมิต สืบสานตำนานสำนักตักศิลามหาเวทย์เขาอ้อ สืบสานสรรพวิชาอาคมจากรุ่นสู่รุ่น นอกจาดนี้ยังเชี่ยวชาญการเขียนชักยันต์กลางอากาศ อันเป็นสุดยอดตำรับพิชัยสงคราม

ปัจจุบันท่านอายุ 90ปี มีนามเดิมว่า “ แผ้ว ขำตรี ” เกิดวันพฤหัสบดีที่ 5 มิ.ย. 2473 ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 9 ปีมะเมีย ณ บ้านห้วยรากไม้ (บ้านดอนมูล) เลขที่ 207 หมู่ที่ 1 ต.ปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เป็นบุตรของนายหนู และนางพูน ขำตรี

หลวงปู่แผ้วมีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆของ “พระอาจารย์นำ ชินวโร" (แก้วจันทร์) วัดดอนศาลา” ท่านเล่าว่า ในวัยเด็กด้วยใจรักในไสยศาสตร์ได้เฝ้าติดตามอาจารย์นำ สมัยยังเป็นฆราวาสไปเป็นลูกมือประกอบพิธีกรรมต่างๆ ทำให้ได้รับการฝึกฝนไปในตัว อีกทั้งได้รับความไว้วางใจจากอาจารย์ผู้สอน ภายหลังที่พระอาจารย์นำได้อุปสมบทแล้ว ท่านก็ยังคงเข้าวัดมาช่วยงานในด้านพิธีกรรมต่างๆ ของวัดดอนศาลาเป็นประจำ

หลวงปู่แผ้วอุปสมบทครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปี ณ วัดควนปันตาราม (ปันแต)โดยมี พระครูรัตนาภิรัตน์ (แก้ว)วัดควนปันตาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งพระครูรัตนาภิรัตน์ (แก้ว)หรือที่เรียกขานกันว่า"ตาหลวงเน” อดีตเจ้าอาวาสวัดควนปันตาราม แม้ชื่อเสียงอาจจะไม่โด่งดังหรือแพร่หลายออกมาสู่โลกภายนอกมากมายเท่าใดนัก แต่สำหรับพัทลุงแล้ว "ตาหลวงเน" นับเป็นสุดยอดเกจิอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่

โดยเฉพาะในเรื่องของไสยเวทย์แล้ว ว่ากันว่าพระอาจารย์ดิษฐ์ วัดปากสระ เจ้าของพระสังกัจจายน์ขนาดห้อยคอ อันดับหนึ่งของพัทลุง ยังให้คำรับรอง ศิษย์สืบทอดพุทธาคมของท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เช่น พ่อท่านช่วง วัดควนปันตาราม, พ่อท่านสุมิตร วัดทุ่งเตง รวมทั้งหลวงปู่แผ้ว

นอกจากการได้เป็นศิษย์ของ 2 เสาหลักแห่งสำนักเขาอ้อแล้ว หลวงปู่แผ้วยังได้ชื่อว่าเป็นศิษย์สายตรงที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาจาก “พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโม" วัดเขาอ้อ โดยท่านเล่าว่า เดิมทีเคยคิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มีวิชาดี มีอาจารย์ดี แต่เพราะได้รับการกำราบจากพระอาจารย์ปาลทำให้ท่านพบความสว่างและสัจธรรมของความจริงที่ว่า “ ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่ใช่ของจริง ”

ท่านว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง ซึ่งเป็นช่วงที่ท่านลาสิกขาออกมามีครอบครัว ในช่วงนั้นเป็นยุคคอมมิวนิสต์ครองเมือง จังหวัดพัทลุงถือเป็นพื้นที่สีแดง ตัวท่านรับใช้บ้านเมืองโดยเป็นอาสาสมัคร ประจำการ ณ เขาปู่ มีอยู่วันหนึ่งขณะกำลังพักผ่อนได้ถูก ผกค.เข้าล้อมและโจมตี เสียงกระสุนปืนที่ดังแหวกอากาศผ่านเส้นผมทำให้อาสาสมัครทุกคนไม่สามารถโงหัวขึ้นมาต่อกรได้ และจะด้วยเหตุผลประการใดไม่อาจทราบได้ แต่ที่แน่ๆ อาสาสมัครทุกคนต่างมีตะกรุดของพระอาจารย์ปาล

คาดเอวกันทั้งนั้น

ท่านเล่าว่าในยามวิกฤตินั้นเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตาย ท่านได้บอกให้ทุกคนตั้งใจให้มั่น เอาครูบาอาจารย์ และของขลังที่ทุกคนมีติดตัวเป็นแรงใจลุกขึ้นยิงต่อสู้ จนในที่สุดสามารถแหกวงล้อมและรอดพ้นอันตรายได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

ด้วยเหตุนี้เองในยามว่าง จากการงาน หรือการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ท่านจึงถือโอกาสเข้าไปรับใช้ไปอุปฐากและเก็บเกี่ยววิชาความรู้ต่างๆ

จากพระอาจารย์ปาล จนกระทั่งพระอาจารย์ปาลมรณภาพลง

ความชัดเจนในสายวิชาและครูบาอาจารย์นี้เอง ทำให้หลวงปู่แผ้วได้รับสมญานามว่า “เพชรน้ำงามสามเขาอ้อ”

นอกจากสายวิชาของเขาอ้อแล้ว ที่ชาวบ้านยอมรับในวิชาของหลวงปู่แผ้ว คือวิชาอาคมในสายหนังตะลุง เช่น เมตตา มหาเสน่ห์ กันของ แก้ของ ฯลฯ เนื่องจากในอดีตหลวงปู่แผ้วคือนายหนังตะลุงที่มีชื่อเสียงของพื้นที่ ว่ากันว่ายามใดก็ตามที่หนังของครูแผ้วเล่น รับประกันได้ว่าสะกดจิต สะกดใจผู้ชมจนไม่สามารถลุกขึ้นไปที่อื่นได้จนกว่าการแสดงจบ

หลวงปู่แผ้วบอกว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของการใช้คาถาอาคมประกอบแรงครู ซึ่งแรงครูของสายหนังตะลุงถือได้ว่า แรงและลึกไม่น้อยไปกว่าศาสตร์แห่งแรงครูในแขนงอื่นๆ ด้วยเหตุนี้เอง ตะกรุดและมีดหมอที่ท่านเคยสร้างขึ้นมาจึงมีความขลังพลังลึกและมากไปด้วยประสบการณ์

หลังจากที่ครอบครัวมีความมั่นคงแล้ว หลวงปู่แผ้วได้ตัดสินใจอุปสมบทครั้งที่ 2 เมื่อพ.ศ.2542 ณ วัดบ้านสวน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

โดยมี พระครูวิโรจน์ศาสนกิจ (พ่อท่านช่วง ศิษย์เอกตาหลวงเน) วัดควนปันตาราม เป็นพระอุปัชฌาย์

ปัจจุบันหลวงปู่แผ้วในวัย 90 ปี 21 พรรษา ท่านยังมีสุขภาพแข็งแรง ความจำดี เป็นที่พึ่งพาของชาวเมืองพัทลุงและใกล้เคียง รวมไปถึงชาวจ่างชาติอย่างมาเลย์ สิงคโปร์ โดยเฉพาะวัตถุมงคลของท่านกล่าวขานว่า ดีทางแคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม

ดั่งเช่นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับหนุ่มขับปิ๊กอัพโดนมอเตอร์ไซค์ปาดหน้ากะทันหัน ทำให้รถของเขาพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ข้างทางพังยับ แต่ตัวเขารอดตายปาฏิหาริย์ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย มีเคล็ดยอกบ้างนิดหน่อยเท่านั้น เชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของล็อกเก็ตหลวงปู่แผ้ว ผลปัญโญ หรือล็อกเก็ต พระแผ้ว ปี 2562 ที่เขาห้อยอยู่ในคอเพียงองค์เดียว








ดู 224 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page