top of page
ค้นหา

หลวงพ่อช้าง วัดจุกเฌอ

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

หลวงพ่อช้าง วัดจุกเฌอ

เกจิหนุ่มลุ่มน้ำบางปะกง

พระดีมีวิชาผู้คงแก่เรียน

5ขวบสวดชินบัญชรได้

หลากหลายสายวิชาเกจิดัง


เปิดบันทึกตำนานพระเกจิเพชรน้ำงามแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกงอีกรูปหนึ่งในยุคนี้ "หลวงพ่อช้างเตชปญฺโญ"เจ้าอาวาสวัดจุกเฌอ เจ้าคณะตำบลบางไผ่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เกจิอาจารย์ในรุ่นปัจจุบันนี้ที่มีความน่าศรัทธาเลื่อมใสมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรที่งดงาม มีเมตตาต่อทุกคนที่ไปกราบไหว้ ที่สำคัญท่านไม่สะสม ใครไปทำบุญกับท่านแล้วท่านก็จะนำไปสร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา


ท่านมีนามเดิมว่า "รณชัย ปัณฑะโชติ" ชื่อเล่น ช้างเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2515 เวลา08.55 นาที ที่บ้านเลขที่41หมู่2 ต.คลองจุกกระเฌอ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โยมบิดาชื่อ สมศักดิ์ปัณฑะโชติ (ฮวดใช้ แซ่อึ้ง) โยมมารดาชื่อ"ทองสุก พันธรักษ์"


ชีวิตในวัยเด็กได้ช่วยกิจการทางบ้าน และมีิจิตใจฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา ชอบติดตามย่าหนูไปทำบุญที่วัดเสมอ จิตใจชอบความสงบ สวดชินบัญชรได้ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ย่าหนูเป็นหลานของ “ ก๋งเฮง ” ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน เหตุที่มีจิตใจชอบความสงบและสนใจปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็กๆ คงเป็นเพราะว่าบิดา-มารดามีแต่ลูกผู้หญิง อยากได้ลูกชายสักคนจึงไปจุดธูปขอลูกชายจากหลวงพ่อโสธร กลับมาฝันว่ามีพระพุทธทองคำลอยมา เข้ามาอยู่ในท้อง จึงบอกสามีว่าคงได้ลูกชายแน่


ตอนแพ้ท้องอยากกินแต่ดิน อารมณ์ดี ชอบกินแต่ผลไม้ กินของหวาน ท้อง 10 เดือนกว่า คลอดหมอตำแย หลังจากแม่ไปสอยหมากกลับมาจึงเจ็บท้อง ตอนกลางคืนพ่อเห็นลูกไฟพุ่งขึ้นในหมู่ไม้ใกล้หัวร่องปลายสวน รุ่งเช้าคลอด 08.00 น. จึงคลอดลูกชายออกมาหนัก 2 โลแปดขีด วันเสาร์เดือนสิงหาคม ตัวโตกว่าเด็กทั่วไป จึงได้ชื่อว่า “ ช้าง ” สมัยเด็กๆ เล่นตะเกียง คลานไฟลวกทั้งตัว แต่ก็รอดมาได้ มีจิตใจเมตตามาตั้งแต่เด็กๆ เห็นคนขอทานไม่ได้เกิดสงสารจนร้องให้ กลับจากโรงเรียนเอาเงินที่เหลือแตกเป็นเศษเหรียญเดินแจกคนจนหมด ไม่เคยนึกอยากได้อะไร ไม่ดื้อ สมัยเด็กเห็นพระพุทธรูปก็ชอบเอาดินมาปั้น พระพุทธรูปองค์แรก เมื่อ อายุ 6 ขวบชอบนั่งสมาธิเป็นประจำ


อายุ 7 ขวบ ชอบเล่นเป็นพระเรียกเพื่อนๆ มารับศีล เห็นพระมาบิณฑบาตหน้าบ้าน แม่เอาแอปเปิลมาใส่บาตร 2 ลูก ขอกิน 1 ลูกแม่ไม่ให้ แต่เอาใส่บาตรหมด จึงสงสัยตามไปดูพระมาจากไหน ตามไปดูพระที่วัดนั้น ชอบวัตรปฏิบัติของพระที่วัด จึงเริ่มสนใจการเป็นพระตั้งแต่นั้นมาชอบบวชเณรในช่วงปิดเทอมอยู่เสมอ


พ.ศ.2528 บวชเณรที่วัดแสนตุ้ง จ.ตราด ขณะเรียนมัธยม 2 ในช่วงปิดทอม ได้ปฏิบัติธรรมจนเริ่มเห็นอนิจจังของชีวิต มองเห็นอสุภะมาตั้งแต่เด็ก จนได้นิมิตต่างๆ โดยพิจารณาอารมณ์จนร่างกายเบาสบายได้ปฐมฌาน คือหลุดจากอารมณ์ได้


หลังเรียนจบเทคนิคที่วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทราแล้วไปทำงานที่กบินทร์ โรงงานแหลมฉบังรับเบอร์ ทำได้ 2 ปีเกิดเบื่อหน่ายจึงลาออกเพราะเห็นอนิจจังของชีวิตแล้วออกบวชเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2539 ณ วัดจุกเฌอ โดยมี พระเมธีวรคณาจารย์ (ประยนต์) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาสุทัน ขตยาโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระมหามาโนช มหาปุณโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ เตชปญโญ ” หลังจากบวชแล้วได้ตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรม จนสอบได้นักธรรมตรี โท เอก เป็นลำดับทุกปี


หลวงพ่อช้าง หรือพระอาจารย์ช้าง ของชาวจุกเฌอและชาวแปดริ้วรูปนี้ ท่านปิดตัวมานานทำอะไรก็ไม่ค่อยอยากบอกให้ใครๆรู้ เพราะท่านนั้นไม่ชอบความวุ่นวายเดือดร้อน เป็นคนขี้เกรงใจคน เป็นคนมีสติประกอบ ด้วยเมตตา กรุณา ต่อคนทุกชนชั้นไม่เลือกหน้า มีความโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่


ในสายตาของคนที่ไม่เคยสนิทคุ้นเคยกับท่านจะเห็นว่าท่านอายุยังน้อย เพราะสัมผัสท่านได้แค่ภายนอก แต่ถ้าใครได้ใกล้ชิดกับท่านก็จะรู้ว่า ความรู้ความสามารถของท่านมันช่างมหัศจรรย์เหลือเกินจริงๆ ทั้งภูมิรู้ ภูมิธรรม หรือในศาสตร์ลึกลับโบราณอันวิเศษมากมาย


ท่านเป็นทั้งหมอยา เพราะอยู่กับธรรมชาติอยู่ป่าอยู่เขาอยู่ถ้ำมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นทั้งพระเกจิอาจารย์ ดำเนินรอยตามสุดยอดพระเกจิอาจารย์ดังแต่โบราณจริงๆ ที่มักจะพูดติดปากกันว่าเกจิอาจารย์ที่เก่งจริงๆ ท่านเป็นทั้งหมอยาเพราะต้องเรียนรู้เจนจบหมดทุกด้านไม่ว่าจะฤกษ์ยามโหราศาสตร์ การรักษาโรค พระเวทย์อาคม สมาธิ


ท่านเป็นผู้มีตบะ บุญวาสนาบารมี มาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เป็นผู้แก่กล้าด้วยสมาธิและวิทยาคมซ้ำยังเป็นผู้แตกฉานอักขระเลขยันต์ พิสดารโบรานอย่างมหัศจรรย์มาตั้งแต่อายุ 12 ทั้งของวิเศษ ว่านยาวัสดุอาถรรพณ์นานับประการ ยากจะหาใครที่จะรู้จริงๆอย่างท่าน ท่านจึงได้รับการยกย่องจากหน่วยงานต่างๆมากมาย


นอกจากนี้ ท่านเป็นผู้คงแก่เรียน แสวงหาครูบาอาจารย์ เพื่อศึกษาศิลปเวทวิทยากับพระเกจิคณาจารย์ในกาลก่อนเป็นอันมาก เกือบจะเรียกได้ว่าทุกทิศของเมืองไทย


วิชาความรู้ของหลวงพ่อช้างนั้นมาจากต้นตระกูลที่สืบสานทั้งทางด้าน เวทวิทยาคม หรือ เรื่องหมอยา โหราศาสตร์ ก็ตาม

ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้จากตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย, หลวงปู่เหลือ วัดสาวชะโงก, หลวงปู่ญาณ วัดสัมปทวน


ในยุคที่หลวงพ่อช้างมีโอกาสอยู่เขาสมิง จังหวัดตราดกับก๋งย่า ได้พบปะพระเกจิคณาจารย์ภาคตะวันออกเกือบทุกรูปองค์ในสมัยนั้น ท่านเป็นคนช่างคิด ช่างถาม ช่างค้นคว้าหา เหมือนท่านมีความรู้สะสมมาตั้งแต่อดีตชาติแล้ว ทำให้ท่านมีความรู้แตกฉานเชี่ยวชาญทางด้าน วรรณคดีประวัติศาสตร์ เวทวิทยาคม และฝึกวิปัสสนา กัมมัฏฐาน ชอบนั่งสมาธิสวดมนต์มาตั้งแต่เล็กๆ


พระเกจิคณาจารย์ภาคตะวันออกในยุคนั้นที่ท่านมักไปมาหาสู่และพูดถึงให้ฟังอยู่เสมอก็คือหลวงปู่คง วัดวังสรรพรส,หลวงพ่อลัด วัดหนองกะบอก,หลวงพ่อกล้วย วัดหมูดุด และอีกหลายรูป


ส่วนภาคกลางนั้นที่ท่านพูดถึงอยู่เป็นประจำก็คือ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน

หลวงปู่มี วัดมารวิชัย หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงปู่เชิญ วัดโคกทอง, หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงพ่อพุฒวัดกลางบางพระ หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม,หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม ท่านก็ไปมาหาสู่อยู่ตลอดเป็นต้น


ทางภาคอีสานทางโคราช ที่ท่านยกย่องและกราบไหว้ที่สุดก็คือ หลวงปู่คง วัดตะคร้อ

ทางสุพรรณบุรี ที่ท่านพูดถึงมากที่สุดคือ หลวงปู่ดี วัดพระรูป ดล่าวได้ว่าแทบทุกภาคทั้งเหนือใต้ออกตก ท่านไปเยี่ยมเยียนพระเกจิคณาจารย์ในรุ่นที่ท่านยังทันตั้งแต่อายุน้อยๆเกือบทุกรูปองค์ทั่วสารทิศเมืองไทย


หลวงพ่อช้างให้ความสนใจการสนับสนุนส่งเสริมการศึกษาเป็นพิเศษท่านเห็นว่า “ความรู้สร้างคนให้เป็นคนดีช่วยเหลือสังคมประเทศชาติได้” ท่านจึงให้ทุนปีละประมาณ 100 ทุนทุกปี มอบเงินสนับสนุนโรงเรียนหลายแห่ง ส่งลูกศิษย์จบปริญญามีอาชีพไปหลายรุ่น หลวงพ่อช้างไม่ชอบคนพาลสันดานหยาบและอบายมุข ท่านเคยบอกว่า “คนคดไม่คบเสาคดไม่เอามาทำเรือน”


วัตถุมงคลสร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้นในปี พ.ศ.2559 และสร้าง “ เหรียญพรหมธาดา ” ตลอดจนเครื่องราง"เสือ" ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชามาทางสายหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของท่านเองคือ “ ก๋งเฮง ” นอกจากนี้ ยังสร้าง ผ้ายันต์ ตะกรุด ลูอม และปลัดขิก ตามแนวทางของหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก รวมทั้งวัตถุมงคล"ท้าวเวสสุวรรณ"ทุกรุ่น วัตถุมงคลที่สร้างขึ้นแต่ละรุ่นล้วนได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง และมีประสบการณ์เล่าขานมากมาย


ดู 2,233 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page