top of page
ค้นหา

"หลวงพ่อทองแดง สิริจนฺโท"เกจิเรืองวิชาวัดบ้านโนนทะยุงสายเหนียวโคราช-ศิษย์9อาจารย์

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

"หลวงพ่อทองแดง สิริจนฺโท" เกจิเรืองวิชาวัดบ้านโนนทะยุง สายเหนียวโคราช-ศิษย์9อาจารย์

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอ พระเกจิอาจารย์มาแรงแห่งเมืองย่าโม..."หลวงพ่อทองแดง สิริจนฺโท" เจ้าอาวาสวัดบ้านโนนทะยุง ต.หนองขาม อ.จักราช จ.นครราชสีมา ผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็น"เกจิสายเหนียว"มหาอุตม์ คงกระพันชาตรี

ท่านเกิดในสกุล "นาคเกิดมะดัน" ที่บ้านตาเงิน เมื่อวันศุกร์ที่ 31 มี.ค. 2503 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5(ตามตำราได้กล่าวไว้ว่า วันดังกล่าวตกดวงราชาฤกษ์ และเป็นวันที่ดีที่สุดของปี พ.ศ.2503 ) บิดาชื่อ "นายเพิ่ม" มารดาชื่อ "นางแถม" ท่านเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้องทั้งสิ้น 10 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 3 คน ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกร

หลังปลดประจำการจากทหารได้เข้าอุปสมบท เมื่อปีพ.ศ.2525 ขณะอายึ22ปีที่วัดตะกุดเครือปลอก อ.จักราช จ.นครราชสีมา โดยมีพระครูจักราชคณารักษ์ (หลวงปู่เจือ ขันติวโร) เป็นพระอุปัชฌาย์พระครูเกษมศีลาภรณ์ วัดตาเงิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า"สิริจนฺโท"

หลังบวชไม่นาน ท่านมีความคิดอยากสร้างวัดที่บ้านโนนทะยุง จึงปรึกษากับญาติโยมที่มีจิตศรัทธานำโดย แม่แป้น ทิศกระโทก,นางหงส์ มุขพิมาย นายเสาร์ ถางกระโทก และนายอนุชา ถางกระโทก ซึ่งได้แบ่งมอบที่ดินส่วนตัวเพื่อจัดสร้างวัดบ้านโนนทะยุงขึ้นมา โดยระหว่างดำเนินการขอขึ้นทะเบียนเป็นสำนักสงฆ์ ท่านได้จำพรรษาที่วัดหนองนกคุ่ม เป็นการชั่วคราว

ในสมัยนั้นวัดยังขาดแคลนปัจจัยหลายอย่าง ท่านจึงตัดสินใจออกธุดงค์ไปเรื่อยจนถึง จ.เชียงใหม่ และได้เรียนวิชากับหลวงปู่แหวน วัดดอยแม่ปั๋งเป็นเวลา 1 ปี แล้วกลับมายังบ้านเกิดอีกครั้ง กระทั่งในปี พ.ศ.2528 ชาวบ้านได้นิมนต์ให้กลับมาพัฒนาวัดที่บ้านโนนทะยุง โดยตลอดเวลา5ปีที่ท่านจำพรรษาที่วัดบ้านโนนทะยุง ได้พยายามพัฒนาวัด แต่ด้วยความเจริญยังมีไม่มากพอจึงตัดสินใจออกธุดงค์อีกครั้งในปีพ.ศ.2533

ในครั้งนี้ท่านธุดงค์ข้ามไปฝั่งประเทศลาวและเขมร ใช้เวลาฝึกปฏิบัติตามถ้ำตามป่าเขายาวนานกว่า15ปี ก่อนที่ชาวบ้านและคณะศิษย์ได้ขอนิมนต์ท่านกลับมาพัฒนาวัดบ้านโนนทะยุงอีกครั้งประมาณปีพ.ศ.2549

ในช่วงธุดงค์ท่านได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาอาคมกับครูบาอาจารย์เรืองวิชาอาคมในสมัยนั้นรวม9รูป 1.หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่ เรียนสายวิชาฝึกจิตถอดจิต กรรมฐาน อธิฐานจิต 2.หลวงปู่อิสสโร วัดเขมรต่ำ ประเทศเขมร (มรณภาพ สังขารกลายเป็นหินศิลาแลง) เรียนสายวิชามหาอุตม์ คงกระพัน ชาตรี และถอดคุณไสย 3.หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน วัดไทรพัฒนา จ.ศรีสะเกษ เรียนสายวิชาลบคมมีด และทำตะกรุด 4.หลวงปู่คำน้อย วัดถ้ำภูกำพร้า จ.นครพนม เรียนวิชาสายเหนียว คงกระพันชาตรี 5.หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นคร สวรรค์ (กายทิพย์ในถ้ำ) เรียนสายวิชาพญาช้างสาร และทำมีดหมอ ปราบภูติผีปีศาจ คุณไสยมนต์ดำ

6.หลวงพ่อทบ วัดชนแดน จ.เพชร บูรณ์ (กายทิพย์ในถ้ำ) เรียนสายวิชาทำตะกรุด จารตะกรุด กำกับอักขระลงบนแผ่นยันต์มหาอุตม์คงกระพัน ชาตรี และถอดจิต 7.หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เรียนสายวิชาอัคนี ลงปลายคมดาบ วิชาเกราะเพชร 8.หลวงปู่นิล วัดครบุรี จ.นครราชสีมา เรียนสายวิชาเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี 9.หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ นครราชสีมา (เรียนสมัยตั้งแต่ท่านอยู่ในถ้ำวัดถ้ำดาวเขาแก้ว จ.สระบุรี ท่านผูกหลวงพ่อทองแดง เป็นลูกศิษย์และได้เรียนสายวิชาแคล้วคลาด เมตตามหานิยม พระคาถามนต์ยา

หลวงพ่อทองแดงสำเร็จหลายวิชา สมัยธุดงค์ฝึกจิตสมาธิ กรรมฐานอยู่ภายในถ้ำหลายแห่ง ครูบาจารย์กายทิพย์มาบอกกล่าว "ฝึกจิต สมาธิให้มั่น" ด้วยวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์หลายท่าน บวกกับการฝึกฝนอย่างจริงจัง ทำให้ท่านเป็นพระเกจิที่มีจิตแข็งกล้า จิตและสมาธินิ่งลึก และหยั่งถึงเข้าใจในวิชาสายเหนียว "มหาอุตม์ คงกระพัน ชาตรี" ได้เป็นอย่างดี ชนิดที่เรียกว่า "แมลงวันไม่ได้กินเลือด มีดเฉือดสดๆเห็นๆ แม้แต่ยางบอนเลือดก็ไม่มีออก"





 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page