top of page
ค้นหา

"หลวงพ่อปาน โสนันโท"วัดบางนมโคอยุธยา อดีตเกจินักพัฒนา/พระหมอยาแห่งกรุงเก่า เจ้าตำรับพระพิมพ์ขี่สัตว์

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 19 ก.ย. 2566
  • ยาว 1 นาที

"หลวงพ่อปาน โสนันโท"วัดบางนมโคอยุธยา

อดีตเกจินักพัฒนา/พระหมอยาแห่งกรุงเก่า

เจ้าตำรับพระพิมพ์ประทับสัตว์มงคล เนื้อดิน

สร้างวัดกว่า40แห่งโดยไม่ใช้งบฯแผ่นดิน

ถ้านึกถึงพระพิมพ์ทรงสัตว์มงคล เนื้อดินเผา แน่นอนว่า นักนิยมสะสมพระเครื่องต้องนึกถึง พระของ"หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค" เป็นอันดับต้นๆ เพราะได่รับความนิยมสูง มีพุทธคุณสูง และมีราคาสูงไม่ตก อีกทั้งเป็นต้นแบบให้วัดต่างๆนำไปจัดสร้างย้อนยุคออกมาหลายรุ่น บางรุ่นแม้จะสร้างหลังจากท่านมรณภาพแล้ว แต่ก็ได้รับความนิยมเล่นหา และมีประสบการณ์ความเข้มขลังให้เห็นเป็นที่ประจักษ์

อย่างเช่น ล่าสุด พระภาวนาธรรมาภิรักษ์ วิ. หรือ "หลวงพ่อเจ้าคุณรักษ์ อนาลโย" พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดสุทธาวาส วิปัสสนา อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรี อยุธยา ท่านได้จัดสร้างพระปางประทับสัตว์มงคล ย้อนยุค 6 พิมพ์ รุ่น "ตำนานอโยธยา" ซึ่งย้อนตำนานพระ 6 พิมพ์ ได้แก่ นก ทำนา, ไก่ หากิน, เม่น เดินป่า, ปลา ค้าขาย, ครุฑ อำนาจ, หนุมาน ราชการ โดยประกอบพิธีที่1 บวงสรวงขอบารมีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ไปเมื่อเร็วๆนี้

ในโอกาสนี้ ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์"คัมภีร์นิวส์"จึงขอย้อนตำนานชีวิตและพระเครื่องของหลวงพ่อปานมานำเสนอเป็นวิทยาทานอีกครั้ง

หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านเป็นพระอริยสงฆ์ทรงอภิญญารูปหนึ่ง แม้ว่าจะมรณภาพไปนานแล้วก็ตาม ชื่อเสียงของท่าน ยิ่งเป็นที่รู้จัก ในบรรดานักสะสมพระเครื่องทั้งหลาย และการสร้างพระของท่านก็ไม่เหมือนกับวัดอื่น คือท่านมักจะสร้างเป็นรูปพระพุทธเจ้าอยู่เหนือสัตว์พาหนะอันมี ครุฑ หนุมาน เม่น ไก่ นก และปลา เป็นต้น

พระครูวิหารกิจจานุการ หรือ"หลวงพ่อปาน โสนันโท" เป็นอดีตเจ้าอาวาสรูปที่3 วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสระหว่างปี พ.ศ. 2478 จนถึงปี พ.ศ. 2481 ท่านเกิดในสกุล"สุทธาวงศ์" เมื่อวันศุกร์ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ.2418 ที่บ้านบางนมโค โยมบิดาชื่อ"อาจ" โยมมารดาชื่อ"อิ่ม"

สาเหตุที่ได้ชื่อว่า"ปาน"เพราะท่านมีสัญลักษณ์คือ มีปานแดงที่นิ้วก้อยมือซ้ายตั้งแต่โคนนิ้วถึงปลายนิ้ว

ต่อมาปีพ.ศ.2439 ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดบางปลาหมอ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2438 ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 5 ปีมะแม โดยมีหลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ อ.บางบาล เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อจ้อย วัดบ้านแพน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์อุ่ม วัดสุธาโภชน์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาในเพศบรรพชิตว่า “โสนันโท”

หลังบวชท่านได้ศึกษาวิชาอาคมและปฏิบัติธรรมอยู่กับหลวงพ่อสุ่นพอสมควรแล้ว จึงเดินทางไปศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดสระเกศ กรุงเทพฯ และอาจารย์จีนวัดเจ้าเจ็ดในจ.พระนครศรีอยุธยา เรียนแพทย์แผนโบราณจากวัดสังเวชวิศยาราม บางลำพู แล้วมาศึกษาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อเนียม วัดน้อย และ หลวงพ่อโหน่ง อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองมะดัน, เรียนวิชาสร้างพระเครื่องดินเผาจากชีปะขาว เรียนการปลุกเสกพระเครื่องและเป่ายันต์เกราะเพชรจาก"อาจารย์แจง" สวรรคโลก ได้รับพระคาถาปัจเจกโพธิสัตว์มาจากครูผึ้ง อยุธยา

หลังจากนั้นท่านจึงมาอยู่ที่วัดบางนมโคและได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระครูวิหารกิจจานุการ" กิจวัตรของท่านก็คือหลังจากฉันภัตตาหารเพลแล้ว ท่านก็จะมาสงเคราะห์ชาวบ้านตลอดทั้งวัน และการทำน้ำมนต์เพื่อรักษาคนไข้ รวมทั้งผู้ที่ถูกกระทำคุณไสยด้วย รวมถึงการรักษาชาวบ้านด้วยวิธีการของท่าน ไม่ว่าจะงูกัด ตะขาบกัด แมลงป่องต่อย ปลากะเบนยอก ต่อ-แตนต่อย โดยการอาราธนาจากพระเครื่องของท่าน เป็นต้น ท่านรักษาให้ชาวบ้านมาตลอด จนได้รับอีกฉายาว่า “พระหมอ”

หลวงพ่อปานท่านเป็นพระนักพัฒนาอีกองค์หนึ่งซึ่งได้บูรณะและสร้างวัดทั้งในพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียงรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 40 วัด ตามหลักฐานที่มีอยู่ และคำบอกเล่า โดยที่ท่านไม่ได้ใช้งบประมาณของแผ่นดินแต่อย่างใด

วาระสุดท้ายหลวงพ่อปานละสังขารเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ตรงกับรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล สิริอายุ 63 ปี บวชพระมาได้ 42 พรรษา

สำหรับวัดบางนมโคนั้น เป็นวัดเก่าแก่โบราณ ไม่ปรากฏหลักฐานว่า สร้างขึ้นในสมัยใด ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย แต่เดิมบริเวณนี้ประชาชนเลี้ยงวัวกันเป็นจำนวนมาก จึงเรียกกันว่า “บางนมโค” ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จฯวัดบางนมโคเป็นการส่วนพระองค์ เมื่อพ.ศ. 2509 ได้ทรงกล่าวชมว่า "หลวงพ่อปานเป็นพระนักพัฒนา"

วัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อลือเลื่องของหลวงพ่อปาน เป็นที่เสาะแสวงหาของสาธุชนทุกรูปนาม ได้แก่ พระพิมพ์เนื้อดิน รูปสี่เหลี่ยมมุมตัด เป็นรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับนั่งบนบัลลังก์บัวตุ่ม เหนือสรรพสัตว์ประเภทต่างๆ เช่น ไก่ ครุฑ หนุมาน นก เม่น ปลา

ระยะแรกที่จัดสร้างเรียกกันว่า “พิมพ์โบราณ” ส่วน “พิมพ์มาตรฐาน” นั้นนำออกแจกจ่ายใน พ.ศ. 2460 ซึ่งได้รับความนิยมเสาะแสวงหาด้วยปรากฏความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ความแคล้วคลาดจากภยันตรายตลอดจนความเป็นสิริมงคล สมปรารถนาแก่ผู้อธิษฐานติดตัว

อุปเท่ห์การใช้และพุทธคุณ ตามความเชื่อที่สืบทอดกันมา แต่ละพิมพ์ทรงมีคติความเชื่อดังนี้

1.พิมพ์ทรงไก่ มีดีทางการทำมาค้าขาย และเมตตามหานิยม โดยคนโบราณสังเกตจากพฤติกรรมของไก่มาประกอบ เปรียบเทียบไก่ฝูงหนึ่ง มักมีตัวผู้เป็นจ่าฝูงเพียงตัวเดียว แต่มีตัวเมียล้อมรอบนับสิบ

2.พิมพ์ทรงครุฑ มีดีทางอำนาจราชศักดิ์เหมาะสำหรับข้าราชการชั้นเจ้านาย 3.พิมพ์หนุมาน ดีทางด้านการปกครอง แคล้วคลาด คงกระพัน เหมาะสำหรับข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ตลอดจนผู้มีอาชีพรับจ้างต่างๆทั่วไป

4.พิมพ์ทรงเม่น ดีทางเกษตรกรรม ทำสวน ทำนา หรือนักค้าที่ดิน นักเดินทางช่วยคุ้มครองป้องกันภัย 5.พิมพ์ทรงปลา โบราณว่า ค้าขายทางน้ำช่วยได้จริง

6.พิมพ์นก เสริมความสำเร็จให้คนมีอาชีพทางการสื่อสาร นักพูด นักแสดง นักกฎหมาย นักการทูต และพ่อค้าที่จำเป็นต้องเดินทางค้าขายอยู่เป็นนิตย์



 
 
 

Comentarios


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page