“หลวงพ่อเฉลิม ผลปัญโญ” วัดพวงนิมิต
เกจินักพัฒนา "เทพเจ้าแห่งเขาฉกรรจ์"
ศิษย์พุทธาคม"หลวงปู่ทอง"วัดสระแก้ว
“พระครูวินิตปัญญาคุณ” หรือ “หลวงพ่อเฉลิม ผลปัญโญ” เจ้าคณะตำบล เขาสามสิบ และเจ้าอาวาสวัดพวงนิมิต บ้านพวงนิมิต ต.พวงนิมิต อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ชาวเมืองสระแก้ว ให้ความเลื่อมใสศรัทธา และรู้จักชื่อเสียงเป็นอย่างดี ท่านเป็นศิษย์เอกของพระครูรัตนสราธิคุณ หรือ”หลวงปู่ทอง รัตนสาโร” อดีตเกจิอาคมขลังแห่งวัดสระแก้ว พระอารามหลวง
หลวงพ่อเฉลิมปัจจุบันอายุ 79 ปี 55 พรรษา (ตามบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านระบุวันเดือนปีเกิดตรงกับวันที่ 28 ม.ค. 2487 แต่จากการเทียบกับปฏิทิน100ปีตรงกับวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2489 ปีระกา) ชาติภูมิท่านเป็นชาวบ้านหนองปรือ อ.เมือง จ.สระแก้ว วัยเยาว์มีอุปนิสัยใฝ่ในทางธรรม โดยบวชเรียนเป็นสามเณรตั้งแต่เล็ก บางครั้งต้องสึกออกมาช่วยดูแลครอบครัวเนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี
เมื่ออายุเข้าวัยเกณฑ์ทหารได้ไปทำหน้าที่รับใช้ชาติ หลังปลดประจำการได้กลับมาช่วยครอบครัวตอบแทนคุณบิดามารดาจนมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นตามลำดับ ถึงปีพ.ศ.2512อายุ 23 ปีได้เข้าอุปสมบทที่วัดสระแก้ว พระอารามหลวง โดยมีพระครูรัตนสราธิคุณ (หลวงปู่ทอง รัตนสาโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูนิมิตธรรมคุณ (พระครูมี) วัดถ้ำเขาฉกรรจ์ เป็นพระกรรมวาจารย์ ได้ฉายาว่า “ผลปัญโญ”
ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากหลวงปู่ทอง วัดสระแก้ว ซึ่งในยุคนั้นเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย โดยหลวงพ่อเฉลิมเป็นศิษย์ผู้น้องของหลวงปู่สนธิ์ วัดทุ่งพระ (มรณภาพแล้วเมื่อปี2560) โดยอยู่เรียนสรรพวิชาจากหลวงปู่ทองนานเกือบ 7 ปีจนมีวิชาความรู้แตกฉาน ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ
สำหรับวัดพวงนิมิต หรือเดิมที่ชาวบ้านเรียกว่า “วัดหนองอีพวง” เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์ ในสมัยก่อนเป็นพื้นที่ป่ารกร้าง ต้นไม้ขึ้นปกคลุม มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ชาวบ้านได้นิมนต์”หลวงตาช่วย” ไม่ทราบฉายา มาจำพรรษาอยู่ประมาณ 3 ปี จากนั้นท่านย้ายไปอยู่ที่วัดอื่น ต่อมา”หลวงพ่อทองปน” ปกครองดูแลวัดต่ออีก 4 ปีก็ลาสิกขาไป ทำให้วัดหนองอีพวงขาดผู้ดูแล ชาวบ้านจึงนิมนต์ หลวงปู่เฉลิมมาจำพรรษาในปีพ.ศ.2518
ในช่วงแรกที่จำพรรษาที่วัดนี้ ได้เดินทางไปศึกษาพุทธาคมต่างๆกับ”พระครูมี” วัดถ้ำเขาฉกรรจ์ เกจิอาคมขลังอีกองค์หนึ่ง โดยเฉพาะทางด้านหนังเหนียว อยู่ยงคงกระพันชาตรี ป้องกันศาสตราวุธต่างๆ อีกทั้งได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จาก”หลวงปู่เส็ง ยโสธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดสระแก้ว
ต่อมา ท่านได้ออกธุดงค์ไปหลายสถานที่ตามชายแดนเพื่อเรียนวิชาเพิ่มเติม โดยได้ศึกษา วิทยาคมและวิชาเกี่ยวกับโหราศาสตร์จากอาจารย์ที่เป็นฆราวาสหลายท่าน อาทิ อาจารย์เสริม จอมขมังเวท
ช่วงที่เกิดสงครามในประเทศกัมพูชาเขมรแดงไล่ฆ่ากันเองยิงปืนใหญ่มาตกตามแนวชายแดนไทยทำให้ประชาชนชาวไทยเดือดร้อนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก และที่บ้านซับตาลี อ.คลองหาด จ.สระแก้ว มีการยิงปืนใหญ่มาตกเป็นจำนวนมาก มีผู้มีอาคมเก่งกล้าคนหนึ่งชื่อ “อาจารย์คำหมี” สามารถเสกให้ลูกปืนใหญ่ไปตกที่อื่นได้
ทุกครั้งที่มีการสู้รบกันชาวบ้านทั่วทุกทิศจะไปรวมตัวกันที่บ้าน อ.คำหมี แม้จะมีการสู้รบหนักขนาดไหน ก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ลูกปืนใหญ่จะตกเข้ามาใกล้บริเวณบ้าน อ.คำหมี เป็นที่เรื่องลือไปทั่ว จ.สระแก้ว เมื่อข่าวรู้ถึงหลวงพ่อเฉลิม ท่านได้เดินทางไปจนเห็นกับตาตัวเอง จึงเกิดความเลื่อมใสขอฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาจนสำเร็จ
หลวงพ่อเฉลิมได้พัฒนาวัดหนองอีพวง จากวัดเล็กๆ ที่อยู่ในพื้นที่กันดารให้มีความเจริญ และเปลี่ยนชื่อป็น “วัดพวงนิมิต” ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี พ.ศ.2533 พ.ศ.2519 ท่านนำประชาชนร่วมกันก่อสร้างอาคารชั่วคราว 2 ห้องเรียน ทำด้วยไม้ มุงด้วยสังกะสี ไม่มีฝา พื้นไม่ได้เทคอนกรีต ค่าก่อสร้างประมาณ 30,000 บาท บนพื้นที่ 13 ไร่ 3 งาน 75 ตารางวา โดย นายบุญ ทองประเสริฐ เป็นผู้มอบที่ดินให้
ต่อมาในปี พ.ศ.2525 ได้มีผู้บริจาคที่ดินเพิ่มขึ้นอีก รวมมีเนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 75 ตารางวา และเมื่อปี พ.ศ.2527 โรงเรียนได้งบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน จำนวน 1 หลัง 4 ห้องเรียน ท่านร่วมกับชาวบ้านบริจาคเงิน ขอซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1 ไร่ 1 งาน 1 ตารางวา เนื่องจากเห็นว่าบริเวณโรงเรียนคับแคบ ไม่เหมาะสมที่จะสร้างอาคารเรียน จึงจัดซื้อที่ดินทางทิศตะวันออกเพิ่ม รวมมีเนื้อที่ 15 ไร่ 3 งาน 76 ตารางวา ให้เป็นสถานที่ศึกษาของเด็กบ้านพวงนิมิต ไม่ต้องเดินทางไปเรียนไกลๆ นอกหมู่บ้าน ซึ่งเด็กๆ ที่จบจากโรงเรียนวัดพวงนิมิต ได้ไปศึกษาต่อในสถานที่การศึกษาต่างๆ จนสำเร็จการศึกษาและได้กลับมาร่วมพัฒนาพื้นที่จนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
หลวงพ่อเฉลิม นอกจากเป็นพระนักพัฒนาแล้ว ท่านยังเป็นที่พึ่งของชาวบ้าน ในแต่ละวันจึงมีญาติโยมจำนวนมากเดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เสริมความเป็นสิริมงคลอย่างไม่ขาดสาย ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในศีลธรรม จะคอยอบรมลูกศิษย์อย่าประมาทในศีล เป็นสมณะต้องมักน้อยสันโดษ เป็นอยู่ง่ายๆ กินแต่น้อย ไม่สะสมทรัพย์สิ่งของ
วัตถุมงคลของท่านได้รับความนิยมจากบรรดาคณะศิษย์ มีหลายชนิด มงคลวัตถุของท่านสร้างด้วยความพิถีพิถันเป็นพิเศษทุกขั้นตอน สร้างด้วยความตั้งใจจริง มิได้สร้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ทำให้เป็นที่ต้องการขอศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก แต่ละรุ่นสร้างจำนวนไม่มาก จึงเป็นสิ่งล้ำค่าและหายากยิ่ง
วัตถุมงคลรุ่นหลักๆของท่านมีดังนี้ 1.พระรุ่นแรกเป็นพระเนื้อแร่ดินผสมว่าน มีทั้งหมด 7 พิมพ์ เริ่มสร้างเมื่อปีพ.ศ.2519 จนถึงปีพ.ศ.2523 (ประมาณหลักพันองค์บรรจุกรุไว้ ทำพิธีครั้งที่2 เปิดกรุเมื่อปีพ.ศ.2556 พระโดนความชื้นจนชำรุดมาก 2.เหรียญรุ่นแรกเป็นเหรียญเล็ก เนื้อทองแดง พิมพ์พระพุทธ ด้านหลังเป็นพานรองรับลูกนิมิต ระบุปีพ.ศ.2530
3.พระกริ่งรุ่นแรก รูปเหมือนลอยองค์อุดด้วยแก่นมะขาม เนื้อทองเหลืองรมดำ ปี2531
4.เหรียญพระพุทธปางมารวิชัย รุ่นยกช่อฟ้าอุโบสถ ปี2533 เนื้อทองเหลือง 5.พระสมเด็จ9ชั้น เนื้อผงพุทธคุณ ปี2535-2538 มี 2 พิมพ์ เนื้อหลายวรรณะ 6.พระรูปเหมือน พิมพ์หยดน้ำ เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2540
7.เหรียญฉลองพัดยศเจ้าคณะตำบล ปี2546 พิมพ์รูปไข่ เนื้อทองแดงรมดำ สร้างประมาณหลักพัน บล็อกแตก
8.พระผงชุดจตุคาม รุ่น “สิทธิมโนสำเร็จที่ใจ” ปี2551 9.พระชุดปิดทองฝังลูกนิมิตปี2555 ประกอบด้วยพระกริ่งรุ่น2 (มีเนื้อเงิน 108 องค์) เหรียญรูปเหมือนพิมพ์เล็ก ด้านหลังพานลูกนิมิต อุณาโลม เหมือนรุ่นแรกปี2530
10.เหรียญกลมปี2559 รูปไข่เนื้อทองเหลือง ด้านหน้าพญานาคคู่หลวงพ่อเฉลิม ด้านหลังมีพญาไก่เฝ้าดูแลไข่ หมายถึงผู้อุปถัมภ์ค้ำชู สนับสนุนไม่ให้ชีวิตตกต่ำ ดูแลป้องกันภัยให้ชีวิตมีความสุขอบอุ่นประดุจบิดามารดาดูแลบุตร
ประสบการณ์จากวัตถุมงคลของหลวงปู่เหลิมนั้นมีมากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเมตตาค้าขาย แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี มหาอุดหยุดปืน หน่วยทหารที่จะลงไปปฏิบัตหน้าที่ใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องนิมนต์ท่านไปประพรมน้ำพระพุทธมนต์และแจกวัตถุมงคลเป็นขวัญและกำลังใจ ส่วนหน่วยงานราชการมักจะมาขอให้เป็นที่ปรึกษาพิธีการด้านศาสนา งานวางศิลาฤกษ์ ตั้งศาล ดูฤกษ์งามยามดี ฯลฯ
Comments