top of page
ค้นหา

"หลวงพ่อแช่ม"วัดตาก้องเกจิยุคสงครามอินโดจีนเจ้าตำรับเหรียญปืนไขว้

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 10 ก.ค. 2565
  • ยาว 1 นาที

"หลวงพ่อแช่ม"วัดตาก้อง เกจิยุคสงครามอินโดจีน เจ้าตำรับเหรียญปืนไขว้

"หลวงพ่อแช่ม อินทโชโต" อดีตเจ้าอาวาสวัดตาก้อง พระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มน้ำนครชัยศรี จังหวัดนครปฐมอีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั้งใกล้-ไกล ท่านเป็นผู้ทรงวิทยาคมและพุทธาคมเป็นเลิศ เจ้าของฉายาว่า "เหรียญปืนไขว้"

ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ยุคเดียวกับพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายๆ รูป อาทิ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม, หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา,หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก,หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ครูบาศรีวิชัย เป็นต้น

ชาติภูมิท่านเป็นชาวบ้าน ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม (สมัยนั้นคือ อ.พระปฐมเจดีย์) เกิดเมื่อปี พ.ศ.2405 เยาว์วัยได้ศึกษาอักขระทั้งภาษาไทยและภาษาขอมกับพระอาจารย์จ้อย วัดดอนเจดีย์ ผู้เรืองวิทยาคม พร้อมทั้งประสิทธิ์ประสาทวิชาและเคล็ดลับต่างๆจนแตกฉาน

พออายุครบบวช จึงเดินทางกลับมาอุปสมบทที่วัดตาก้อง บ้านเกิด โดยมีหลวงพ่อทา เจ้าอาวาสวัดพะเนียงแตก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “อินทโชโต”จากนั้นติดตามพระอุปัชฌาย์ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดพะเนียงแตก ซึ่งพระอุปัชฌาย์นับเป็นพระเกจินักปฏิบัติผู้มีชื่อเสียงเป็นที่ศรัทธาของจังหวัดรูปหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน และมีพลังทางจิตกล้าแข็ง ท่านสร้างเครื่องรางของขลังไว้แจกแก่ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ซึ่งปัจจุบันเป็นที่แสวงหาอย่างกว้างขวาง

เมื่อมาอยู่กับหลวงพ่อทา ด้วยความตั้งใจแน่วแน่และใฝ่ใจศึกษาของท่าน จึงสามารถสำเร็จในทุกแขนงวิชาที่พระอุปัชฌาย์ถ่ายทอดให้ และตัวท่านเองก็มุ่งมั่นศึกษาด้านคันถธุระ วิปัสสนาธุระ และฝึกฝนวิทยาการจนเกิดความเชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ยังฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อศึกษาเพิ่มเติมจาก หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว พระเกจิผู้มีชื่อเสียงของ จ.นครปฐม ในสมัยนั้นอีกด้วย

จากนั้นท่านขออนุญาตพระอุปัชฌาย์ออกธุดงค์แสวงหาความรู้เพิ่มเติมไปจนข้ามไปถึงฝั่งพม่า และศึกษาศาสตร์ต่างๆ จากอาจารย์พม่าเดินทางกลับผ่านทางเมืองกาญจน์ เข้าสุพรรณบุรี แล้ววกกลับมา จ.นครปฐม โดยการเดินทางเท้าทั้งสิ้น ไม่ได้ขึ้นรถลงเรือ อาศัยเกวียนหรือช้างม้าแต่อย่างใด

เมื่อถึงวัดพะเนียงแตก เข้ากราบนมัสการหลวงพ่อทา พระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อทากล่าวปรารภว่า “เกิดเป็นคนก็ยาก บวชเป็นพระก็ยาก บวชแล้วได้เดินธุดงค์ก็ยาก ไม่เสียทีที่เกิดหรอกชาตินี้ พระศาสนาของเราได้พระภิกษุอย่างคุณ พระศาสนาไม่ตกอับหรอก” หลวงพ่อแช่มจึงกราบเรียนว่า “กลับมาครั้งนี้ก็คิดจะกราบลาไปจำพรรษาอยู่ที่วัดตาก้อง เพื่ออยู่ใกล้ญาติโยมทางโน้น”

ครั้นเมื่อมาอยู่จำพรรษาอยู่ที่วัดตาก้อง ท่านถูกพระภิกษุบางกลุ่มเพ่งโทษคอยจับผิดท่าน นินทาว่าร้ายท่านว่าเป็นพระภิกษุพิเรนทร์ ไม่ร่วมสังฆกรรมกับพระสงฆ์ในวัด ไม่สวดมนต์ทำวัตรเย็นเช้า ไม่ลงฟังสวดพระปาฏิโมกข์ในวันพระ ไม่บิณฑบาตโปรดสัตว์ ไม่ปฏิบัติกิจของสงฆ์ ไม่อยู่ในปกครองของเจ้าอาวาส และหุงข้าวทำครัวกินเหมือนชาวบ้าน

จนในที่สุดมีหนังสือร้องเรียนกล่าวโทษถึงเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เมื่อเจ้าคณะจังหวัดสอบสวนอธิกรณ์นี้ หลวงพ่อแช่มสามารถแก้ข้อกล่าวหาแต่ละข้อได้ด้วยถ้อยคำฉะฉาน ยิ่งทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งไปขึ้น บำเพ็ญกิจช่วยเหลือญาติโยมตามกำลังสติปัญญาและวิชาความรู้ จนกระทั่งชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่เคารพศรัทธาของสาธุชนชาวนครปฐมและใกล้เคียง รวมทั้งพุทธศาสนิกชนทั่วไปจนมรณภาพในปี พ.ศ.2490 สิริอายุ 85 ปี พรรษา 65

วัตถุมงคลต่างๆ ของท่านล้วนได้รับความนิยมและเป็นที่แสวงหาอย่างสูง เนื่องด้วยพุทธคุณเป็นเอกทั้งสิ้น มีอาทิ เหรียญปั๊มรูปเหมือนทรงเสมา ปี 2485 พระดินหน้าตะโพน และพระขุนแผนหน้าตะโพน รวมถึงเครื่องรางของขลัง ประเภทธง เสื้อยันต์ ผ้าเช็ดหน้ามหานิยม ผ้าประเจียดแดง ตะกรุดฝาบาตร พระพลายเพชรผงผสมดินหน้าตะโพน, ลูกสะกดปรอท ฯลฯ แต่ปัจจุบันหาดูหาเช่าได้ยากยิ่งนัก เพราะผู้ครอบครองต่างหวงแหน

โดยเฉพาะเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2484 ในช่วงที่เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ทหารญี่ปุ่นยกพลเข้าสู่ประเทศ ไทย ลูกศิษย์จึงขอให้หลวงพ่อแช่มสร้างเหรียญพระเครื่อง ท่านจึงได้สร้างเหรียญพระเครื่องขึ้นเป็นรุ่นแรก และก็ปรากฏพุทธคุณเป็นที่เลื่องลือขจรไกล ว่ากันว่ามีพุทธคุณล้ำเลิศในด้านคงกระพันชาตรี ฟันแทงไม่เข้าทีเดียว

รูปทรงของเหรียญก็ออกจะแปลกกว่าเหรียญรูปเหมือนอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่นิยมสร้างเป็นเหรียญรูปไข่ หรือรูปทรงเสมา แต่ "เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม รุ่นแรก" นี้ ขอบโดยรอบจะหยักเป็นมุมแหลม 16 หยัก เท่ากับอัตราโสฬสมงคล "พระเจ้าสิบหกพระองค์" พอดิบพอดี แลดูสวยงามมาก บางทีจึงเรียกกันว่า "เหรียญพัดพุดตาน" หรือ "เหรียญกงจักร" มีหูในตัวแล้วเชื่อมต่อด้วยห่วงกลม โดยสร้างเป็นเนื้อทองแดง มีทั้งแบบรมดำและไม่รมดำ

ด้านหน้า ตรงกลางเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อแช่มนั่งครองจีวรห่มคลุม เต็มองค์ มือข้างซ้ายยกขึ้นและมีอักขระขอม "ตัวนะ" ที่ฝ่ามือ ไม่มีอาสนะสำหรับรองนั่ง แต่กลายเป็น "ปืนไขว้" แทน ซึ่งเป็นอุปเท่ห์อย่างหนึ่งทางไสยเวทเรียกกันว่า "ข่มอาวุธ" หรือเรียกว่าเป็นการตัดไม้ข่มนาม

โดยรอบมีอักษรไทยว่า "หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง" มีอักขระขอมตรงอกเป็น "ตัวอะ" และบริเวณโดยรอบองค์ท่านอ่านว่า "นะ โม พุท ธา ยะ" ในหยักทั้ง 16 หยัก มีพระนามย่อ พระเจ้าสิบหกพระองค์ อ่านว่า "นะมะนะอะ นอกอนะกะ กอออนออะ นะอะกะอํ"

เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกนี้ ยังแบ่งแยกออกเป็น 2 พิมพ์ คือ พิมพ์หูเดียวและพิมพ์สองหู มีความแตกต่างกันที่ใบหูของรูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม ถ้าเป็น "พิมพ์หูเดียว" หูที่รูปเหมือนจะมีเพียงหูข้างขวาของท่านเพียงหูเดียว ส่วน "พิมพ์สองหู" รูปเหมือนจะปรากฏหู 2 หู แบบปกติ แต่พิมพ์หูเดียว จะมีจำนวนน้อยกว่าจึงเล่นหาได้ยากกว่า สนนราคาเช่าหาจึงสูงกว่า

แต่ที่แน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไหนก็ตาม "เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อแช่ม รุ่นแรก ปี 2484" ก็นับเป็นเหรียญเก่าแก่ ที่มีความ เป็นเลิศในด้านพุทธคุณ คุ้มครองป้องกันภยันตรายต่างๆได้ฉมังนัก!!












 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page