top of page
ค้นหา

หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า เกจิ5เสือ ระยอง

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 20 มิ.ย. 2564
  • ยาว 2 นาที

หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า เกจิ5เสือระยอง เหรียญรุ่นแรกขลังจริง...“ยิงไม่ออก” พระอุปัชฌาย์ “หลวงพ่อเชย”วัดกระเฉท วันก่อนทีมข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ นำโดย นายอนุชา ทรงศิริ บรรณาธิการ เดินทางเข้ากราบ หลวงพ่อเชย ถาวโร พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดกระเฉท จ.ระยอง ท่านได้เมตตาให้สัมภาษณ์ และพูดถึงครูบาอาจารย์ของท่าน ที่ถ่ายทอดวิชาอาคมให้ นั่นคือ “หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า” ก่อนที่จะชมคลิปการสัมภาษณ์หลวงพ่อเชย มาศึกษาประวัติ หลวงพ่อชื่นกันก่อน

"หลวงพ่อชื่น สุจิตโต" หรือพระครูพิพิธวรญาณ อดีตเจ้าอาวาสวัดมาบข่า อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ท่านเป็นเกจิ 5 เสือแห่งระยองที่อาวุโสใกล้เคียงกันประกอบด้วย 1.หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง 2.หลวงพ่อหิน วัดหนองสนม 3.หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก 4.หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า 5.หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ทั้งนี้ ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโด่งดังในภาคตะวันออกมานานก่อนหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ประมาณ10 ปี เคยได้รับนิมนต์เข้าร่วมงานพุทธาภิเษกพระเครื่องใหญ่ๆ เช่น พิธี 25 พุทธศตวรรษ, พิธีวัดประสาทบุญญาวาส, พิธีวัดท่าเกวียน รวมทั้งพิธีพระกริ่งไชยคีรี ของหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว นครปฐม ที่รวมพระเกจิอาจารย์ทรงวิทยาคมทั่วประเทศทุกจังหวัด แต่ท่านเป็น 1 ใน 9 เกจิที่ได้รับนิมนต์ให้ปลุกเสกเม็ดกริ่ง ที่จะใช้บรรจุในพระกริ่งไชยคีรี

เสียดายประวัติของท่านหายากมากเพราะท่านเป็นพระสันโดษ ใครไปถามรายละเอียดประวัติส่วนตัว ท่านจะไม่ยอมบอก อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านและคนในแถบพื้นที่ล้วนให้ความเคารพยกย่อง ในความเก่งกล้าของหลวงพ่อชื่นว่าเป็นหนึ่งในระยองเหมือนกัน

ชาติภูมิเป็นชาวมาบข่าโดยกำเนิดเกิดที่บ้านห้วงตาถึงหมู่ 4 ต.มาบข่า อ.บ้านค่าย จ.ระยอง และได้ย้ายไปอยู่บ้านหนองผักหนาม(บริเวณท้องที่เดียวกัน) ท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๔ค่ำเดือน 8 ตรงกับวันที่ 6 ก.ค. 2436 ปีมะเมีย บิดาชื่อ “เหน่ง” มารดาชื่อ “จ้อย” นามสกุล”บุญทีวะ” มีพี่น้องด้วยกัน 7 คือ 1.หลวงพ่อชื่น บุญทีวะ 2.นางแวว 3.นางเป้า 4.นางปุ้ย 5.นายบุญมาก 6.นางเชย 7.เป็นผู้ชายคลอดมาได้ 5 วันแล้วเสียชีวิต ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนาและเก็บของป่าขาย มีงานอดิเรกคือการจักสานเล็กๆน้อยๆ

ในเยาว์วัยท่านมีความจำเป็นเลิศกว่าเด็กในวัยเดียวกันและชอบฟังเทศน์มหาชาติมากโดยเฉพาะพระเวสสันดรชาดก โดยจะจดจำนำมาร้องเล่นตามประสาเด็ก แถมเสียงดีเสียด้วย ด้านการศึกษาได้หาความรู้จากวัดเหมือนกับคนทั่วๆไปในสมัยนั้น เพียงแต่ท่านจะตั้งใจเรียนกว่าคนอื่นวิ่งเล่นกัน โดยได้เรียนเพิ่มเติมกับหลวงพ่อจาด วัดบ้านสวน จ.ชลบุรี ซึ่งมาจำวัดอยู่ที่วัดมาบข่า จนท่านอ่านออกเขียนได้อย่างคล่องแคล่ว

เมื่ออายุ 19 ปีได้ถูกคัดเลือกไปเป็นทหารเรืออยู่ 2 ปี ช่วงที่เป็นทหารอยู่นั้นในยามว่างท่านจะท่องหนังสือสวดมนต์จนจำได้หมด ไม่ว่าจะเป็นเจ็ดตำนาน,สิบสองตำนาน,ธรรมจักรกัปวัตนสูตรและสมัยสูตรเพราะตั้งใจว่า เมื่อพ้นภาระหน้าที่รับใช้ชาติเมื่อใดจะขอบวชทันที ดังนั้น พอปลดประจำการกลับมาบ้านเพียง 3 วัน ท่านก็บอกกับบิดาและมารดาว่าจะบวช ทำให้โยมทั้งสองปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากนั้นในวันที่ 10 ก.ค. 2458 ท่านจึงเข้าอุปสมบท ณ วัดทับมา จ.ระยอง โดยมีหลวงพ่อขาว เจ้าอาวาสวัดทับมาในสมัยนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อทองอยู่ เจ้าอาวาสวัดมาบข่า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อจี๊ด เจ้าอาวาสวัดเขาโบสถ์(เขาซากแขก) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และมีหลวงพ่อหิน วัดหนองสนม เป็นพระอาจารย์บอกอนุศาสน์ ได้รับฉายาว่า “สุจิตโต”

หลังบวชแล้วท่านได้อยู่รับใช้หลวงพ่อทองอยู่ที่วัดมาบข่ามาโดยตลอด โดยช่วงหนึ่งได้ไปจำพรรษาที่วัดเขาโบสถ์นาน 2 เดือนเพื่อเรียนภาษาขอมกับหลวงพ่อจี๊ดจนอ่านออกเขียนได้ และได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรมครั้งแรกที่วัดป่าประดู่ จ.ระยองโดยมีหลวงพ่อแอ่วเป็นครูสอน

หลวงพ่อชื่นเป็นพระที่ดำรงตนอย่างสมถะ ไม่ยึดติด หรือมุ่งหวังในเรื่องลาภยศสรรเสริญ เรื่องสมศักดิ์หรือตำแหน่งหน้าที่ท่านไม่เคยใฝ่ฝันดิ้นรนขวนขวายเพราะท่านถ่อมตนอยู่เสมอว่า หนังสือท่านไม่ค่อยเก่ง แต่ก็ต้องยอมรับและปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีตลอดมา โดยตำแหน่งที่ได้รับคือ

ปีพ.ศ.2486 เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง ปีพ.ศ.2493 เป็นพระครูชั้นประทวนสมณศักดิ์ ปีพ.ศ.2495 เป็นเจ้าคณะตำบลหนองละลอก ปีพ.ศ.2500 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรีที่ “พระครูพิพิธวรญาณ” และปีพ.ศ.2501 เป็นพระอุปัชฌาย์

หลวงพ่อชื่นมีอุปนิสัยอ่อนโยน พูดจาเรียบร้อย นุ่มนวลเสียงทุ้มลึกกังวานแจ่มใสแต่แฝงไว้นุ่มนวลเสียงทุ้มลึกกังวาน เป็นพระที่สุขุม มีสติปัญญาความคิดปฏิภาณเฉียบแหลมว่องไว สามารถแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ทันที แม้จะเป็นพระที่หัวโบราณ แต่ก็ทันสมัยอยู่เสมอ อีกทั้งมีเมตตาธรรมสูง เวลาคุยกับญาติโยมจะนั่งพับเพียบไม่ค่อยเปลี่ยนอิริยาบถ กล่าวคือนั่งท่าไหนก็ท่านั้นจนเสร็จกิจกรรมนั้นๆ ลพ. ไม่เลือกชนชั้นว่าผู้ดีหรือยากจน และพบหลวงพ่อได้ทุกโอกาส

ในด้านวิชาอาคมและการปฏิบัติ หลวงพ่อชื่นได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงพ่อขาว วัดทับมา หลวงพ่อทองอยู่ วัดมาบข่า และเกจิดังๆในยุคนั้นอีกหลายองค์ แต่ที่โดดเด่นเป็นที่รับรู้โดยทั่วก็คือ ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านหมอแผนโบราณ,หมอกระดูก ใครเจ็บป่วยก็จะมาตามท่านไปรักษา ไม่ว่าจะเวลาใด หรือดึกแค่ไหนก็ไม่เคยปฏิเสธ ท่านจะรักษาให้ทุกรายจนเป็นที่นับถือเลื่อมใสของชาวบ้าน นอกจากนี้ น้ำมนต์ไล่ภูตผีของท่านกล่าวขานกันว่าขลังมาก

ช่วงบั้นปลายชีวิตในปีพ.ศ.2521 ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับท่าน ครั้งหนึ่งท่านมีกิจนิมนต์ 2 แห่งคือช่วงเพลที่โรงงานโม่แป้งมัน(มาบข่า)และช่วงเย็นที่สวนศรีเมือง เหตุการณ์ที่โรงโม่แป้งมัน หลังจากทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ฉันภัตตาหาร และให้พรแล้ว ท่านได้สั่งให้เดินเครื่องโม่แป้งแล้วเริ่มประพรมน้ำพระพุทธมนต์ เมื่อใกล้จะเสร็จเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อสายพานเย่อเอาจีวรจนดึงตัวของท่านติดกับสายพานซึ่งมีอยู่ 3 เส้นๆละ 8 นิ้ว แม้ท่านจะดึงจีวรกลับแต่สู้แรงเครื่องไม่ได้ จึงท่องคาถาแคล้วคลาดว่า

“ยัมมะโข ภะคะวันตัง สะระณังคะตาติ อุทธังอัทโธ นะโมพุทธายะ พุทธังปัดคลาดแคล้ว ธังมังปัดคลาดแคล้ว สังฆังปัดคลาดแคล้ว พระเจ้าเกิดแล้ว อิติปิโส ภะคะวาติ” เมื่อว่าจบเครื่องยนต์ก็ดับพอดี ปรากฏว่าสายพานขาด 1 เส้น อีก 2 เส้นหลุดจากหัวต่อ ชาวบ้านจึงช่วยกันนำท่านส่งโรงพยาบาลระยองท่านสลบไปชั่วครู่ พอฟื้นมาก็พบกับหมอและพยาบาลหญิง ท่านจึงขอย้ายมาที่โรงพยาบาลสัตหีบ(อาภากรเกียรติวงศ์) โดยรักษาอยู่หลายเดือนจึงหาย แม้ร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนเดิม แต่ก็รับนิมนต์ตลอดเพราะท่านเป้นพระที่เกรงใจญาติโยม ไม่ชอบขัดศรัทธา

ถึงปีพ.ศ.2523 อาการของท่านยังทรงๆอยู่เช่นเดิมและมีโรคปวดท้องเพิ่มขึ้นมาอีก แม้จะฉันยาหม้อก็ไม่ทุเลา กลับมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆจนต้องเข้าโรงพยาบาลสัตหีบอีกครั้ง อยู่ได้10 วันแพทย์ก็ยังหาสาเหตุของโรคไม่พบ จึงนำอุจจาระไปตรวจพบว่ามีเลือดปนออกมา เมื่อใช้สายยางดูดเอาน้ำในกระเพาะอาหารออกมาตรวจอีกครั้ง ปรากฏว่ามีเลือดสดๆปะปนมากับน้ำนั้นด้วย จึงสันนิษฐานว่า ท่านเป็นแผลในกระเพาะอาหารและต้องผ่าตัด แต่ท่านไม่ยอมให้ผ่าตัดและขอกลับวัด ทางโรงพยาบาลไม่ยอมให้กลับ กระทั่งอาการหนักขึ้นท่านจึงยอมให้ผ่าตัด

ผลปรากฏว่า ท่านเป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ทะลุโดยแผลที่ทะลุนั้นอยู่ตรงถุงน้ำดีและตับอ่อนพอดีไม่สามารถจะตัดต่อลำไส้ได้จึงอุดช่องเดิมแล้วลัดตรงข้ามแผลไปออกลำไส้ เมื่อท่านฟื้นขึ้นมาอาการก็ยังไม่ดีขึ้นต้องนำเข้าห้องไอซียูอีกครั้ง สุดท้ายท่านก็มรณภาพไปด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2523 สิริอายุ 87 ปี

วัตถุมงคลหลวงพ่อชื่นมีจัดสร้างไม่กี่รุ่น ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือเหรียญรุ่นแรก ปีพ.ศ. 2511 ซึ่งมีหลายบล็อก แต่ที่เล่นกันในพื้นที่เป็นสากลคือ “บล็อกหน้าหนุ่ม เนื้ออัลปาก้า” ถ้าเป็นเหรียญชุบนิกเกิล หน้าดูใหญ่ๆ จะเล่นหากันถูกกว่ามาก แต่ที่ต้องระวังคือเหรียญเก๊ที่ทำออกมานานนับสิบปีแล้ว เคยได้ยินชาวบ้านในแถบมาบตาพุด กล่าวถึงเหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อชื่น ซึ่งคนในพื้นที่ยกนิ้วโป้งให้ว่ามีประสบการณ์มาก เคยมีการเอาไปลองยิง ปรากฏว่า"ยิงไม่ออก" ส่วนรูปหล่อโบราณ สร้างประมาณปี 2507 เป็นหล่อแบบโบราณ เทหล่อกันในวัด ประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดดีเหมือนกัน

สำหรับนักเล่นสายตรงแล้ว บอกว่าพระเครื่องของท่าน “สุดยอด”ทุกอย่างขอเพียงให้เป็นของแท้ แม้ราคาเช่าหาจะไม่สูงเหมือนเกจิระยององค์อื่นๆ แต่ก็หายากขึ้นทุกวัน เพราะคนพื้นที่ตามเก็บหมด ที่สำคัญ เชื่อกนัว่าหากมีวัตถุมงคลของท่าน ชีวิตจะสดชื่น ทำการใดจะราบรื่นสมกับชื่อของท่าน







 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page