top of page
ค้นหา

"หลวงพ่อนวย ปัญญาวโร"พระเกจิดัง

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 30 มี.ค. 2564
  • ยาว 2 นาที

วัดป่ายุบบุญญาราม จ.ชลบุรี

พระหมอยาแห่งบ้านบึง

ศิษย์สืบสายวิชาอาคมขลัง

ลพ.เคน วัดเขาอีโต้-ลพ.ทับ วัดหัวถนน


หนึ่งในพระดีเกจิดังแห่งชลบุรี พระครูวรรัตนาภรณ์ หรือ“หลวงพ่อนวย ปัญญาวโร” เจ้าอาวาสวัดป่ายุบบุญญาราม ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พระเกจิผู้ทรงคุณพุทธาคมเข้มขลังทางด้านเมตตามหาลาภ สมญานาม”พระหมอยาแห่งบ้านบึง” ศิษย์ผู้สืบทอดวิชาอาคมจากหลวงพ่อทับ วัดหัวถนน จ.ชลบุรี ,หลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี และหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่

ปัจจุบันท่านอายุ 80 ปี มีนามเดิมว่า”อำนวย” นามสกุล”พนมมรรค” เป็นชาวอ.บ้านบึงจ.ชลบุรี โดยกำเนิด เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มี.ค. 2484 บุตรของนายน็อต และนางเทศประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป วัยเยาว์เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่4 เมื่ออายุ 20 ปีเข้ารับการเกณฑ์ทหาร (ทร.รุ่น4) รับใช้ชาติอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการออกมาได้เข้าอุปสมบทที่วัดบุญญาฤทธาราม (วัดบึงบน) เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2506 โดยมีพระครูประภัศรพุทธิคุณ วัดบึงบวรสถิตเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิศาลพรหมจรรย์ (หลวงพ่อสวัสดิ์) วัดเม้าสุขา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการประพต วัดบึงบน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า”ปัญญาวโร” แปลว่า”ผู้มีปัญญาประเสริฐ”

สมัยที่หลวงพ่อนวยยังเป็นฆราวาส นับว่าท่านเป็นนักเลงหัวไม้คนหนึ่งในละแวกอ.บ้านบึง บิดามารดากลัวว่าท่านเป็นอันตรายจึงให้บวชเรียน โดยเมื่อครั้งบวชใหม่ๆในพรรษาต้นๆ ท่านมีความคิดอยากเป็นพระอาจารย์สักยันต์ ถึงขนาดไปทำเหล็กสักมาเตรียมไว้ แต่พอครุ่นคิดได้ว่าเนื้อหนังมังสาของคนที่จะมาสัก เขาเป็นลูกที่พ่อแม่ตั้งใจให้เกิดมาแบบสวยงามสมบูรณ์ จึงล้มเลิกความคิดดังกล่าว

หลังบวชได้อยู่จำพรรษาที่วัดบุญญาฤทธาราม (วัดบึงบน) ถึงพรรษาที่ 2 ได้เดินทางไปเรียนวิชากับ”หลวงพ่อทับ วัดหัวถนน” โดยเป็นศิษย์ร่วมรุ่นกับหลวงปู่โทน กันตสีโล อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาน้อยคีรีวัน ซึ่งถือว่าเป็นศิษย์เอกที่ได้วิชาจากหลวงพ่อทับมากที่สุด ทั้งนี้ หลวงพ่อทับได้เมตตาถ่ายทอดวิชาลงอักขระมหายันต์ พร้อมวิชาปลุกเสกด้วยคาถาคงกระพันชาตรี และทำตะกรุดมหาอุดให้หลวงพ่อนวยกับหลวงปู่โทนคนละดอก ก่อนที่ท่านทั้งสองจะออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรทางภาคเหนือ


กล่าวสำหรับ”หลวงพ่อทับ วัดหัวถนน” อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ท่านมีศักดิ์เป็นหลวงลุงของหลวงปู่โทน เป็นอดีตเกจิอาจารย์ที่แก่กล้าด้วยคาถาอาคม มีพลังจิตที่เข้มขลัง เป็นเกจิร่วมยุคกับพระครูศรี พนัสนิคม หลวงพ่อผุย วัดหน้าพระธาตุ หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม หลวงพ่อดิ่งวัดบางวัว หลวงพ่อแร่ วัดเชิดสำราญ หลวงพ่อเสือ วัดสามกอ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบาฯลฯ วัตถุมงคลดังของท่านคือ เหรียญหลวงพ่อติ้ว วัดหัวถนน รุ่นแรกปี2499

พระอาจารย์องค์สำคัญที่ถ่ายทอดวิชาให้ท่านก็คือ หลวงพ่อเคน วัดถ้ำเขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี เกจิผู้มีอภินิหารมากมาย อายุยืนยาวถึง 111 ปี ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่ศรัทธาของสาธุชนทั่วไป แม้กระทั่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื้น นพวงศ์ณ อยุธยา) ยังเสด็จมาสนทนาธรรมกับหลวงปู่เคน ณ วัดถ้ำเขาอีโต้


สมัยที่หลวงพ่อเคนยังมีชีวิตอยู่ ท่านชอบฟังเทศน์มหาชาติ ถ้าว่างท่านจะนั่งภาวนาอยู่ในถ้ำเวลาออกไปไหนมาไหน ท่านชอบใช้ย่ามสีแดง จนคนนิยมเรียกท่านว่า "หลวงพ่อย่ามแดง" ท่านเป็นพระรุ่นเก่า เวลาพูดท่านก็ชอบใช้ภาษาโบราณ เล่าขานว่าหลวงพ่อเคนเป็นพระผู้สำเร็จอภิญญาสามารถเดินหนย่นระยะทางได้ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้น อาทิ ไซดักทรัพย์ นกสาลิกาคู่สีผึ้ง ผ้ายันต์ ฯลฯ ล้วนเป็นที่ต้องการของผู้ที่มากราบท่าน เพราะเต็มไปด้วยอานุภาพทางเมตตามหานิยม ไปบูชาแล้วค้าขายดี มีประสบการณ์เล่าขานกันไม่จบสิ้น


หลวงพ่อนวยใช้เวลาถึง 4 พรรษากว่าจะได้วิชาจากหลวงพ่อเคน โดยท่านถ่ายทอดวิชาปลุกเสกไซปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ รวมทั้งศาสตร์วิชามหาเสน่ห์ ซึ่งท่านนำมาใช้จนมีชื่อเสียงโด่งดัง


บรรดาศิลปิน นักร้อง นักแสดง โดยเฉพาะศิลปินลิเกต่างนำแป้งกระป่องมาให้ท่านปลุกเสกเพราะได้ผลดีทางเสน่ห์เมตตามหานิยม โดยผู้ที่ใช้แป้งเสกำของท่านกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า“หลวงพ่อนวยปลุกเสกแป้งได้ขลังยิ่งนัก ใช้ผัดหน้าเป็นเมตตามหาเสน่ห์ดีจริงๆ”


หลวงพ่อนวยเคยเดินทางไปกราบหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่หลายครั้ง โดยได้รับการฝังตะกรุดท้องแขนจากหลวงพ่อคูณ และท่านเมตตาให้พระคาถามหาอำนาจมาใช้ ซึ่งท่านจำได้แม่นยำมาถึงทุกวันนี้คือ “อย่าเน้อ ยา ยา อะระหัง จังงัง พุทโธ” นอกจากนี้ ยังได้รับการฝึกด้านกรรมฐานกับ พระครูไพบูลย์พัฒนาภรณ์ หรือ”หลวงพ่อเฮียง” วัดเขาถ้ำ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และเรียนวิชาสายคงกระพันกับพระอาจารย์แถว อ.บ้านนา จ.นครนายก

นอกจากนี้ หลวงพ่อนวยยังมีความชำนาญในการรักษาอาการป่วยด้วยยาสมุนไพร ซึ่งท่านศึกษาวิชามาจากปู่ของท่านตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย ปู่ของท่านชื่อ”แคล้ว”เป็นหมอยาสมุนไพรที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเขตพื้นที่ ซึ่งท่านได้นำวิชาความรู้เรื่องยาสมุนไพรมาใช้ช่วยอนุเคราะห์ชาวบ้านที่เจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ อีกทั้งยังช่วยรักษาคนที่ถูกผีเข้า โดยใช้นำมนต์และมีดหมอไม่เคยใช้การสะกดหรือจองจำวิญญาณภูติผีตนใด


ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2562 เวลาประมาณ 13.00 น. มีเด็กผู้หญิงลักษณะคล้ายทอมจากจังหวัดสุพรรณบุรี มาพร้อมกับพ่อและแม่ ลักษณะใบหน้าดำคล้ำ โดยพ่อแม่บอกว่าโดนผีเข้า ไปหาหมอที่ไหนก็ไล่ไม่ออก หลวงพ่อนวยก็ตอบทันที”ฉันไม่เคยไล่ผี” ทำเอาพ่อแม่หน้าเสียทันที จากนั้นท่านก็เรียกเด็กที่โดนผีเข้าให้เข้ามาหา แล้วเดินไป หยิบพระขรรค์(มีดหมอ)และน้ำมนต์มาวางไว้ แล้วพูดคุยกับเด็กที่โดนผีเข้าว่า “เราทั้งคู่เหมือนกัน ขอเขากินทั้งคู่ พ่อแม่เขาเป็นห่วง ออกไปเถอะนะ เราจะให้พรให้เป็นสิริมงคล”


ระหว่างนั้น ท่านก็นำพระขรรค์มาวางไว้บนศีรษะของเด็ก แล้วพรมน้ำมนต์ที่หัวและลำตัว พร้อมกับพูดว่า “ไปนะ ไปนะ ไปนะ อย่ามารบกวนกันอีกนะ” ทันใดนั้น ใบหน้าที่ดำคล้ำก็กลายเป็นสีปกติทันที ท่ามกลางความดีใจของพ่อแม่ หลังจากนั้น หลวงพ่อนวยได้ถามเด็กที่โดนผีเข้าว่า“มายังใง” เด็กตอบว่า ไม่รู้เหมือนกันว่ามายังใง

ผลงานพัฒนา ปีพ.ศ.2508 สร้างศาลาการเปรียญพื้นไม้มะค่า ปีพ.ศ.2511 สร้างอุโบสถปีพ.ศ.2512 สร้างเมรุและกุฏิสงฆ์ ปีพ.ศ.2522 สร้างศาลาหอฉันพื้นไม้ ปีพ.ศ.2525 จัดงานผูกพัทธสีมาอุโบสถ ปีพ.ศ.2558 ดำริสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ทดแทนหลังเก่าที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม แล้วเสร็จในปีพ.ศ.2560 นอกจากนี้ ยังให้การอุปถัมภ์ และพัฒนาโรงเรียนมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน และงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ

ปีพ.ศ.2517 พระธรรมโกศาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดชลบุรี แต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2517 ปีพ.ศ.2527 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูปลัด ฐานานุกรมของพระราชกิตติโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กทม. เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2527

ปีพ.ศ.2542 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูเจ้าคณะตำบลชั้นตรีที่ “พระครูวรรัตนาภรณ์” ในโอกาสนี้มีการจัดสร้าง”พระกริ่งบุญฤทธิ์”เป็นที่ระลึก

ปีพ.ศ.2545 ได้รับแต่งตั้งเป็นอุปัชฌาย์ โดยพระสมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม กทม. เป็นประธานมอบใบตราตั้ง ณ วัดสามพระยาวรวิหารกทม. เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2545

เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 วันที่ 5 ธ.ค. 2549 มหาเถรสมาคมเลื่อนตำแหน่งเป็นพระครูเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม

วัตถุมงคลยุคต้นๆของหลวงพ่อนวยที่ปัจจุบันเริ่มหายากมีอาทิ เหรียญพระพุทธ หลังพญานาคงานผูกพัทธสีมาปี2525,เหรียญพระพุทธ พิมพ์จอบ ปี2525, เหรียญเม็ดแตง ฉลองตราตั้งพระอุปัชฌาย์ ปี2545 เหรียญพระพุทธพิมพ์อาร์ม ปี2516 (หลวงปู่ทิมปลุกเสก) ,พระสมเด็จ ฯลฯ

จากข้อมูลใน เฟซบุ๊ก กลุ่ม”หลวงพ่อนวย วัดป่ายุบบุญญาราม อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี” ได้ให้ข้อมูลพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆของหลวงพ่อนวยไว้ดังนี้


เหรียญเสมารุ่น 1 วัดจัดสร้างปีพ.ศ.2553, เหรียญเสมาบูรพาจารย์ รุ่น2 วัดจัดสร้างปีพ.ศ.2554,เหรียญเจริญพรบน รุ่น3 วัดจัดสร้างปีพ.ศ2555,พระปิดตาและลูกอมรุ่น4 (ครูท็อปชลบุรี จัดสร้าง),ล็อกเก็ตรุ่น 5 (หน่อย ป่ายุบ จัดสร้าง) พระปรกใบมะขาม รุ่น6 วัดและคณะกรรมการจัดสร้าง,เหรียญหันข้าง. รุ่น7 วัดและคณะกรรมการวัดสร้าง,พระขุนแผนพรายตานี วัดและคณะกรรมการวัดสร้าง,พระเหรียญปัญจนาคราช(นั่งมังกร) วัดและคณะกรรมการวัดสร้างประเภทเครื่องรางของขลัง ตะกรุดเนื้อตะกั่ว ปีพ.ศ.2554 ปลัดขิก ไม้งิ้ว ไม้กัลเกลา ไม้พญายา“หน่อย ป่ายุบ”จัดสร้าง

วัตถุมงคลของหลวงพ่อนวย ท่านจะเน้นอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ไม่นิมนต์พระเกจิรูปอื่นมาร่วมปลุกเสก โดยท่านบอกว่า ครูบาอาจารย์สอนไว้ว่า “ถ้าตัวเองยังไม่ละสังขารให้เสกเดี่ยวจะขลังกว่า หากละสังขารแล้วค่อยนิมนต์มาปลุกเสกหมู่”



 
 
 

1 Comment


อ.อนุชา ทรงศิริ
อ.อนุชา ทรงศิริ
Mar 30, 2021

ติดตามได้เลย

Like
  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page