top of page
ค้นหา
  • รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

"หลวงพ่อนวย ปัญญาวโร"พระเกจิดัง


วัดป่ายุบบุญญาราม จ.ชลบุรี

พระหมอยาแห่งบ้านบึง

ศิษย์สืบสายวิชาอาคมขลัง

ลพ.เคน วัดเขาอีโต้-ลพ.ทับ วัดหัวถนน


หนึ่งในพระดีเกจิดังแห่งชลบุรี พระครูวรรัตนาภรณ์ หรือ“หลวงพ่อนวย ปัญญาวโร” เจ้าอาวาสวัดป่ายุบบุญญาราม ต.หนองไผ่แก้ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พระเกจิผู้ทรงคุณพุทธาคมเข้มขลังทางด้านเมตตามหาลาภ สมญานาม”พระหมอยาแห่งบ้านบึง” ศิษย์ผู้สืบทอดวิชาอาคมจากหลวงพ่อทับ วัดหัวถนน จ.ชลบุรี ,หลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี และหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่

ปัจจุบันท่านอายุ 80 ปี มีนามเดิมว่า”อำนวย” นามสกุล”พนมมรรค” เป็นชาวอ.บ้านบึงจ.ชลบุรี โดยกำเนิด เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มี.ค. 2484 บุตรของนายน็อต และนางเทศประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป วัยเยาว์เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่4 เมื่ออายุ 20 ปีเข้ารับการเกณฑ์ทหาร (ทร.รุ่น4) รับใช้ชาติอยู่ 2 ปี หลังปลดประจำการออกมาได้เข้าอุปสมบทที่วัดบุญญาฤทธาราม (วัดบึงบน) เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2506 โดยมีพระครูประภัศรพุทธิคุณ วัดบึงบวรสถิตเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพิศาลพรหมจรรย์ (หลวงพ่อสวัสดิ์) วัดเม้าสุขา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการประพต วัดบึงบน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า”ปัญญาวโร” แปลว่า”ผู้มีปัญญาประเสริฐ”

สมัยที่หลวงพ่อนวยยังเป็นฆราวาส นับว่าท่านเป็นนักเลงหัวไม้คนหนึ่งในละแวกอ.บ้านบึง บิดามารดากลัวว่าท่านเป็นอันตรายจึงให้บวชเรียน โดยเมื่อครั้งบวชใหม่ๆในพรรษาต้นๆ ท่านมีความคิดอยากเป็นพระอาจารย์สักยันต์ ถึงขนาดไปทำเหล็กสักมาเตรียมไว้ แต่พอครุ่นคิดได้ว่าเนื้อหนังมังสาของคนที่จะมาสัก เขาเป็นลูกที่พ่อแม่ตั้งใจให้เกิดมาแบบสวยงามสมบูรณ์ จึงล้มเลิกความคิดดังกล่าว

หลังบวชได้อยู่จำพรรษาที่วัดบุญญาฤทธาราม (วัดบึงบน) ถึงพรรษาที่ 2 ได้เดินทางไปเรียนวิชากับ”หลวงพ่อทับ วัดหัวถนน” โดยเป็นศิษย์ร่วมรุ่นกับหลวงปู่โทน กันตสีโล อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาน้อยคีรีวัน ซึ่งถือว่าเป็นศิษย์เอกที่ได้วิชาจากหลวงพ่อทับมากที่สุด ทั้งนี้ หลวงพ่อทับได้เมตตาถ่ายทอดวิชาลงอักขระมหายันต์ พร้อมวิชาปลุกเสกด้วยคาถาคงกระพันชาตรี และทำตะกรุดมหาอุดให้หลวงพ่อนวยกับหลวงปู่โทนคนละดอก ก่อนที่ท่านทั้งสองจะออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรทางภาคเหนือ


กล่าวสำหรับ”หลวงพ่อทับ วัดหัวถนน” อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ท่านมีศักดิ์เป็นหลวงลุงของหลวงปู่โทน เป็นอดีตเกจิอาจารย์ที่แก่กล้าด้วยคาถาอาคม มีพลังจิตที่เข้มขลัง เป็นเกจิร่วมยุคกับพระครูศรี พนัสนิคม หลวงพ่อผุย วัดหน้าพระธาตุ หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม หลวงพ่อดิ่งวัดบางวัว หลวงพ่อแร่ วัดเชิดสำราญ หลวงพ่อเสือ วัดสามกอ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบาฯลฯ วัตถุมงคลดังของท่านคือ เหรียญหลวงพ่อติ้ว วัดหัวถนน รุ่นแรกปี2499

พระอาจารย์องค์สำคัญที่ถ่ายทอดวิชาให้ท่านก็คือ หลวงพ่อเคน วัดถ้ำเขาอีโต้ จ.ปราจีนบุรี เกจิผู้มีอภินิหารมากมาย อายุยืนยาวถึง 111 ปี ท่านเป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่ศรัทธาของสาธุชนทั่วไป แม้กระทั่งสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื้น นพวงศ์ณ อยุธยา) ยังเสด็จมาสนทนาธรรมกับหลวงปู่เคน ณ วัดถ้ำเขาอีโต้


สมัยที่หลวงพ่อเคนยังมีชีวิตอยู่ ท่านชอบฟังเทศน์มหาชาติ ถ้าว่างท่านจะนั่งภาวนาอยู่ในถ้ำเวลาออกไปไหนมาไหน ท่านชอบใช้ย่ามสีแดง จนคนนิยมเรียกท่านว่า "หลวงพ่อย่ามแดง" ท่านเป็นพระรุ่นเก่า เวลาพูดท่านก็ชอบใช้ภาษาโบราณ เล่าขานว่าหลวงพ่อเคนเป็นพระผู้สำเร็จอภิญญาสามารถเดินหนย่นระยะทางได้ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้น อาทิ ไซดักทรัพย์ นกสาลิกาคู่สีผึ้ง ผ้ายันต์ ฯลฯ ล้วนเป็นที่ต้องการของผู้ที่มากราบท่าน เพราะเต็มไปด้วยอานุภาพทางเมตตามหานิยม ไปบูชาแล้วค้าขายดี มีประสบการณ์เล่าขานกันไม่จบสิ้น


หลวงพ่อนวยใช้เวลาถึง 4 พรรษากว่าจะได้วิชาจากหลวงพ่อเคน โดยท่านถ่ายทอดวิชาปลุกเสกไซปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ รวมทั้งศาสตร์วิชามหาเสน่ห์ ซึ่งท่านนำมาใช้จนมีชื่อเสียงโด่งดัง


บรรดาศิลปิน นักร้อง นักแสดง โดยเฉพาะศิลปินลิเกต่างนำแป้งกระป่องมาให้ท่านปลุกเสกเพราะได้ผลดีทางเสน่ห์เมตตามหานิยม โดยผู้ที่ใช้แป้งเสกำของท่านกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า“หลวงพ่อนวยปลุกเสกแป้งได้ขลังยิ่งนัก ใช้ผัดหน้าเป็นเมตตามหาเสน่ห์ดีจริงๆ”


หลวงพ่อนวยเคยเดินทางไปกราบหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่หลายครั้ง โดยได้รับการฝังตะกรุดท้องแขนจากหลวงพ่อคูณ และท่านเมตตาให้พระคาถามหาอำนาจมาใช้ ซึ่งท่านจำได้แม่นยำมาถึงทุกวันนี้คือ “อย่าเน้อ ยา ยา อะระหัง จังงัง พุทโธ” นอกจากนี้ ยังได้รับการฝึกด้านกรรมฐานกับ พระครูไพบูลย์พัฒนาภรณ์ หรือ”หลวงพ่อเฮียง” วัดเขาถ้ำ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และเรียนวิชาสายคงกระพันกับพระอาจารย์แถว อ.บ้านนา จ.นครนายก

นอกจากนี้ หลวงพ่อนวยยังมีความชำนาญในการรักษาอาการป่วยด้วยยาสมุนไพร ซึ่งท่านศึกษาวิชามาจากปู่ของท่านตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย ปู่ของท่านชื่อ”แคล้ว”เป็นหมอยาสมุนไพรที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเขตพื้นที่ ซึ่งท่านได้นำวิชาความรู้เรื่องยาสมุนไพรมาใช้ช่วยอนุเคราะห์ชาวบ้านที่เจ็บป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ อีกทั้งยังช่วยรักษาคนที่ถูกผีเข้า โดยใช้นำมนต์และมีดหมอไม่เคยใช้การสะกดหรือจองจำวิญญาณภูติผีตนใด


ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2562 เวลาประมาณ 13.00 น. มีเด็กผู้หญิงลักษณะคล้ายทอมจากจังหวัดสุพรรณบุรี มาพร้อมกับพ่อและแม่ ลักษณะใบหน้าดำคล้ำ โดยพ่อแม่บอกว่าโดนผีเข้า ไปหาหมอที่ไหนก็ไล่ไม่ออก หลวงพ่อนวยก็ตอบทันที”ฉันไม่เคยไล่ผี” ทำเอาพ่อแม่หน้าเสียทันที จากนั้นท่านก็เรียกเด็กที่โดนผีเข้าให้เข้ามาหา แล้วเดินไป หยิบพระขรรค์(มีดหมอ)และน้ำมนต์มาวางไว้ แล้วพูดคุยกับเด็กที่โดนผีเข้าว่า “เราทั้งคู่เหมือนกัน ขอเขากินทั้งคู่ พ่อแม่เขาเป็นห่วง ออกไปเถอะนะ เราจะให้พรให้เป็นสิริมงคล”


ระหว่างนั้น ท่านก็นำพระขรรค์มาวางไว้บนศีรษะของเด็ก แล้วพรมน้ำมนต์ที่หัวและลำตัว พร้อมกับพูดว่า “ไปนะ ไปนะ ไปนะ อย่ามารบกวนกันอีกนะ” ทันใดนั้น ใบหน้าที่ดำคล้ำก็กลายเป็นสีปกติทันที ท่ามกลางความดีใจของพ่อแม่ หลังจากนั้น หลวงพ่อนวยได้ถามเด็กที่โดนผีเข้าว่า“มายังใง” เด็กตอบว่า ไม่รู้เหมือนกันว่ามายังใง

ผลงานพัฒนา ปีพ.ศ.2508 สร้างศาลาการเปรียญพื้นไม้มะค่า ปีพ.ศ.2511 สร้างอุโบสถปีพ.ศ.2512 สร้างเมรุและกุฏิสงฆ์ ปีพ.ศ.2522 สร้างศาลาหอฉันพื้นไม้ ปีพ.ศ.2525 จัดงานผูกพัทธสีมาอุโบสถ ปีพ.ศ.2558 ดำริสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ทดแทนหลังเก่าที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรม แล้วเสร็จในปีพ.ศ.2560 นอกจากนี้ ยังให้การอุปถัมภ์ และพัฒนาโรงเรียนมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน และงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ

ปีพ.ศ.2517 พระธรรมโกศาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดชลบุรี แต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2517 ปีพ.ศ.2527 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูปลัด ฐานานุกรมของพระราชกิตติโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กทม. เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2527

ปีพ.ศ.2542 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูเจ้าคณะตำบลชั้นตรีที่ “พระครูวรรัตนาภรณ์” ในโอกาสนี้มีการจัดสร้าง”พระกริ่งบุญฤทธิ์”เป็นที่ระลึก

ปีพ.ศ.2545 ได้รับแต่งตั้งเป็นอุปัชฌาย์ โดยพระสมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม กทม. เป็นประธานมอบใบตราตั้ง ณ วัดสามพระยาวรวิหารกทม. เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2545

เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9 วันที่ 5 ธ.ค. 2549 มหาเถรสมาคมเลื่อนตำแหน่งเป็นพระครูเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม

วัตถุมงคลยุคต้นๆของหลวงพ่อนวยที่ปัจจุบันเริ่มหายากมีอาทิ เหรียญพระพุทธ หลังพญานาคงานผูกพัทธสีมาปี2525,เหรียญพระพุทธ พิมพ์จอบ ปี2525, เหรียญเม็ดแตง ฉลองตราตั้งพระอุปัชฌาย์ ปี2545 เหรียญพระพุทธพิมพ์อาร์ม ปี2516 (หลวงปู่ทิมปลุกเสก) ,พระสมเด็จ ฯลฯ

จากข้อมูลใน เฟซบุ๊ก กลุ่ม”หลวงพ่อนวย วัดป่ายุบบุญญาราม อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี” ได้ให้ข้อมูลพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆของหลวงพ่อนวยไว้ดังนี้


เหรียญเสมารุ่น 1 วัดจัดสร้างปีพ.ศ.2553, เหรียญเสมาบูรพาจารย์ รุ่น2 วัดจัดสร้างปีพ.ศ.2554,เหรียญเจริญพรบน รุ่น3 วัดจัดสร้างปีพ.ศ2555,พระปิดตาและลูกอมรุ่น4 (ครูท็อปชลบุรี จัดสร้าง),ล็อกเก็ตรุ่น 5 (หน่อย ป่ายุบ จัดสร้าง) พระปรกใบมะขาม รุ่น6 วัดและคณะกรรมการจัดสร้าง,เหรียญหันข้าง. รุ่น7 วัดและคณะกรรมการวัดสร้าง,พระขุนแผนพรายตานี วัดและคณะกรรมการวัดสร้าง,พระเหรียญปัญจนาคราช(นั่งมังกร) วัดและคณะกรรมการวัดสร้างประเภทเครื่องรางของขลัง ตะกรุดเนื้อตะกั่ว ปีพ.ศ.2554 ปลัดขิก ไม้งิ้ว ไม้กัลเกลา ไม้พญายา“หน่อย ป่ายุบ”จัดสร้าง

วัตถุมงคลของหลวงพ่อนวย ท่านจะเน้นอธิษฐานจิตปลุกเสกเดี่ยว ไม่นิมนต์พระเกจิรูปอื่นมาร่วมปลุกเสก โดยท่านบอกว่า ครูบาอาจารย์สอนไว้ว่า “ถ้าตัวเองยังไม่ละสังขารให้เสกเดี่ยวจะขลังกว่า หากละสังขารแล้วค่อยนิมนต์มาปลุกเสกหมู่”



ดู 1,428 ครั้ง1 ความคิดเห็น

1 Comment


อ.อนุชา ทรงศิริ
อ.อนุชา ทรงศิริ
Mar 30, 2021

ติดตามได้เลย

Like
bottom of page