top of page
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนอ.อนุชา ทรงศิริ

"หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ"เกจิดังวัดหนองจอก จ.ประจวบฯ

"หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ" เกจิดังวัดหนองจอก จ.ประจวบฯ ปลุกเสกปลัดขิกจนบินได้รอบวัด พี่ชายหลวงปู่นน วัดเขาพรานธูป

ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอเรื่องราวประวัติ พี่ชายของหลวงปู่นน วัดเขาพรานธูป ประจวบคีรีขันธ์

พระครูนิยุตธรรมสุนทร หรือ "หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ อีกหนึ่งพระเกจิผู้เปี่ยมด้วยวิทยาอาคมขลัง และอุทิศตนเพื่อพระบวรพุทธศาสนา ดำเนินรอยตามหลักธรรมคำสอนแห่งองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เป็นที่เลื่อมใสความศรัทธาของชาวประจวบคีรีขันธ์และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ท่านสร้างและพัฒนาวัดหนองจอกจากที่รกร้างจนสำเร็จลุล่วง

หลวงพ่อยิดมีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่ยุคนั้นมาจนปัจจุบัน วัตถุมงคลของท่านยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และยิ่งนับวันค่านิยมจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความศักดิ์สิทธิ์เป็นเลิศ ทั้งด้านเมตตา แคล้วคลาด และโชคลาภ ครบครัน โดยเฉพาะ “ปลัดขิก” กับคำร่ำลือว่า ‘สามารถสร้างปาฏิหาริย์บินได้’ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ตำรวจทหาร

ท่านมีนามเดิมว่า "ยิด" นามสกุล "สีดอกบวบ" เกิดที่บ้านดอนหัวกรวด ต.นาพันสาม อ.เมือง จ.เพชรบุรี จากใบสุทธิระบุว่าท่านกำเนิดเมื่อวันที่อังคาร ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 7 ปีชวด ตรงกับวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2467 แต่จากปากคำของท่านเล่าว่า ท่านเกิดวันจันทร์ ปีชวด พ.ศ. 2460 โยมบิดาชื่อ "แก้ว" โยมมารดาชื่อ "พร้อย "มีพี่น้องรวม 7 คน ท่านเป็นบุตรชายคนที่ 4

วัยเยาว์บิดามารดานำไปฝากเรียนหนังสือกับ หลวงพ่อหวล เจ้าอาวาสวัดนาพรม ที่มีศักดิ์เป็นน้า จนอายุได้ 9 ขวบ จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดนาพรม โดยมีหลวงพ่อหวล เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาอักขระสมัย อักขระขอม เลขยันต์ และแพทย์แผนโบราณ ภายหลังหลวงพ่อหวลพาไปฝากศึกษาต่อกับ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน

อายุ 14 ปีได้ลาสิกขาบทออกมาช่วยครอบครัวที่ย้ายไปประกอบอาชีพที่อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรี ขันธ์ กระทั่งอายุ 20 ปี จึงอุปสมบทที่วัดนาพรม โดยมี หลวงพ่ออินทร์ วัดยาง (เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์พ่วง วัดสำมะโรง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "จนฺทสุวณฺโณ" แปลว่า "ผู้มีวรรณะดุจพระจันทร์"

หลังบวชได้เดินทางไปศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ต่อมาโยมบิดาเสียชีวิตลง ท่านจึงลาสิกขากลับไปดูแลโยมมารดาและครอบครัว แล้วได้แต่งงานมีครอบครัวกับนางธิต มีบุตรด้วยกัน

แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ทางธรรมและเห็นว่าบุตรของท่านเติบใหญ่เลี้ยงตนเองได้ ครอบครัวอยู่กินได้อย่างไม่เดือนร้อน จึงตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้งที่วัดเกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในปี พ.ศ. 2517 แล้วไปจำพรรษาที่วัดทุ่งน้อย ต.เขาแดง อ.กุยบุรี

ต่อมาได้มีผู้จิตศรัทธา 2 ท่านคือ นางวง บุญมา และนางเอื้อน เกตุงาม มีความเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อยิดเป็นอันมาก จึงถวายที่ดินจำนวน 21 ไร่ 2 งานบริเวณ ต.ดอนยายหนู อ.กุยบุรี เพื่อให้ท่านไปจำพรรษา กอปรกับหลวงพ่อยิดมีความคิดเห็นว่าญาติโยมในบริเวณนั้นต้องเดินทางไปทำบุญไกล ท่านจึงตัดสินใจสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2518 โดยให้ชื่อว่า "สำนักสงฆ์พุทธไตรรัตน์"

ในช่วงแรกนั้น หลวงพ่อยิดปลูกกระต๊อบหลังเล็กๆ เป็นที่อาศัย ท่านค่อยๆถากถางเรื่อยไป จนพื้นที่ที่เคยรกดูสะอาดเป็นสัดส่วนขึ้นตามลำดับ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาเก่าๆ เมื่อทราบข่าวก็มาช่วยกันพัฒนาจนเป็นรูปเป็นร่าง และได้ขออนุญาตสร้างเป็นวัดเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2527 และได้รับอนุญาตให้ตั้งชื่อว่า "วัดหนองจอก" โดยใช้ชื่อของท้องถิ่นเป็นชื่อวัด ในปี พ.ศ. 2528

วาระสุดท้าย วันที่ 18 ก.ค. 2538 หลวงพ่อยิดเกิดอาพาธปัจจุบันทันด่วน ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก และเข้ารักษาตัวในห้อง I.C.U โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งมรณภาพลงด้วยอาการสงบในวันที่ 31 ก.ค. 2538 เวลา 03.50 น. คณะศิษย์ได้นำสังขารบรรจุไว้ในโลงแก้ว และได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 เม.ย. 2540 เวลา 14.00 น. ณ เมรุวัดหนองจอก

หลวงพ่อยิด เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงกิตติศัพท์เลื่องลือเป็นที่โจษขานมาตั้ง แต่ท่่านยังเป็นหนุ่ม ท่านศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมหลายแขนงจากครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม (วัดประดิษฐวนาราม) หลวงตาพูล วัดนาพรม และหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง รวมทั้งวิชาแพทย์แผนโบราณ

ชื่อเสียงของหลวงพ่อยิดเป็นที่รู้จักเพราะวัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างและปลุกเสก มีลูกศิษย์นำไปบูชาล้วนแต่มีประสบการณ์ เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์มากมาย ทำให้ท่านเป็นที่เคารพศรัทธามากขึ้นเป็นทวีคูณ

วัตถุมงคลของหลวงพ่อยิดทุกๆ รุ่น ถ้าผ่านการปลุกเสกแล้วเชื่อได้เลยว่าดีแน่ ประชาชนทั่วไปจะรู้จักท่านเกี่ยวกับ "ปลัดขิก" เพราะท่านสามารถปลุกเสกปลัดขิกลุกตั้งได้สามารถพิสูจน์ได้ จึงทำให้ท่านโด่งดังมาก และยิ่งได้มาพบมารู้จักท่านก็ยิ่งเลื่อมใสศรัทธา

สำหรับปลัดขิกที่ผ่านการปลุกเสกจากท่าน มีรายละเอียดดังนี 1. ไม่มีคาถากำกับ 2. การค้าขาย ใช้เอาไปทิ่มกับของที่ขาย ไม่นานจะเห็นผลและจะค้าขายดีอย่างเทน้ำเทท่า 3. งูมีพิษจะอ้าปากไม่ขึ้นถ้าเราเหยียบ หรือนอนทับงูจะตาย 4. เรื่องแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น ตะขาบ แตน ต่อ แมงป่อง เอาไปวนบริเวณที่ถูกกัดต่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง

หลวงพ่อยิด เรียนคาถาเลขยันต์จากอาจารย์ของท่าน อาจารย์บอกว่าต้องรับสัจจะว่าจะอาบน้ำ (สมัยฆราวาส) ปีละครั้ง ท่านก็รับปากอาจารย์จึงสอนวิชาให้ เมื่อท่านเรียนวิชาจบแล้วท่านก็อาบน้ำ จนกระทั่งบวชเป็นพระท่านก็สรงน้ำปีละครั้งตลอดมาในเดือน 4 วันอาทิตย์แรกของข้างแรม

หลวงพ่อยิดสรงน้ำปีละครั้ง ลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาจะเอาแปรงทองเหลืองขัดตัวท่าน ท่านจะยิ้มเพราะไม่เจ็บไม่ระคายผิวหลังท่านเลย

การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อยิด ท่านได้เริ่มทดลองสร้างเพื่อทดสอบพุทธคุณมาตั้งแต่สมัยเป็น ‘อาจารย์ยิด’ แต่สร้างเป็นตะกรุดเพียงไม่กี่ดอก มาเริ่มสร้างอย่างจริงจังเมื่อคราวสร้างวัดหนองจอก โดยสร้างเป็น เหรียญรูปเหมือรุ่นต่างๆ,รูปหล่อ,พระเนื้อผง เครื่องรางของขลัง และปลัดขิก วัตถุทุกชนิดเมื่อผ่านการปลุกเสกจากท่านแล้ว เชื่อถือกันได้ว่า มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก

ที่โด่งดังและรู้จักกันดีทั่วประเทศก็คือ “ปลัดขิก” ว่ากันว่า ท่านมีวิทยาคมแก่กล้าขนาดสามารถเสกปลัดขิกให้บินรอบวัดได้ ก่อนที่จะแจกจ่ายแก่ญาติโยม ซึ่งหลายๆ คนก็ได้ประจักษ์กับสายตามาแล้ว และมีราคาค่านิยมเล่นหาสูง











ดู 317 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page