top of page
ค้นหา

"หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ"เกจิดังวัดหนองจอก จ.ประจวบฯ

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 15 มิ.ย. 2564
  • ยาว 1 นาที

"หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ" เกจิดังวัดหนองจอก จ.ประจวบฯ ปลุกเสกปลัดขิกจนบินได้รอบวัด พี่ชายหลวงปู่นน วัดเขาพรานธูป

ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอนำเสนอเรื่องราวประวัติ พี่ชายของหลวงปู่นน วัดเขาพรานธูป ประจวบคีรีขันธ์

พระครูนิยุตธรรมสุนทร หรือ "หลวงพ่อยิด จันทสุวัณโณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองจอก อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ อีกหนึ่งพระเกจิผู้เปี่ยมด้วยวิทยาอาคมขลัง และอุทิศตนเพื่อพระบวรพุทธศาสนา ดำเนินรอยตามหลักธรรมคำสอนแห่งองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เป็นที่เลื่อมใสความศรัทธาของชาวประจวบคีรีขันธ์และพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ท่านสร้างและพัฒนาวัดหนองจอกจากที่รกร้างจนสำเร็จลุล่วง

หลวงพ่อยิดมีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่ยุคนั้นมาจนปัจจุบัน วัตถุมงคลของท่านยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และยิ่งนับวันค่านิยมจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความศักดิ์สิทธิ์เป็นเลิศ ทั้งด้านเมตตา แคล้วคลาด และโชคลาภ ครบครัน โดยเฉพาะ “ปลัดขิก” กับคำร่ำลือว่า ‘สามารถสร้างปาฏิหาริย์บินได้’ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ตำรวจทหาร

ท่านมีนามเดิมว่า "ยิด" นามสกุล "สีดอกบวบ" เกิดที่บ้านดอนหัวกรวด ต.นาพันสาม อ.เมือง จ.เพชรบุรี จากใบสุทธิระบุว่าท่านกำเนิดเมื่อวันที่อังคาร ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 7 ปีชวด ตรงกับวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2467 แต่จากปากคำของท่านเล่าว่า ท่านเกิดวันจันทร์ ปีชวด พ.ศ. 2460 โยมบิดาชื่อ "แก้ว" โยมมารดาชื่อ "พร้อย "มีพี่น้องรวม 7 คน ท่านเป็นบุตรชายคนที่ 4

วัยเยาว์บิดามารดานำไปฝากเรียนหนังสือกับ หลวงพ่อหวล เจ้าอาวาสวัดนาพรม ที่มีศักดิ์เป็นน้า จนอายุได้ 9 ขวบ จึงบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดนาพรม โดยมีหลวงพ่อหวล เป็นพระอุปัชฌาย์ ศึกษาอักขระสมัย อักขระขอม เลขยันต์ และแพทย์แผนโบราณ ภายหลังหลวงพ่อหวลพาไปฝากศึกษาต่อกับ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐาน

อายุ 14 ปีได้ลาสิกขาบทออกมาช่วยครอบครัวที่ย้ายไปประกอบอาชีพที่อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรี ขันธ์ กระทั่งอายุ 20 ปี จึงอุปสมบทที่วัดนาพรม โดยมี หลวงพ่ออินทร์ วัดยาง (เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์พ่วง วัดสำมะโรง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "จนฺทสุวณฺโณ" แปลว่า "ผู้มีวรรณะดุจพระจันทร์"

หลังบวชได้เดินทางไปศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานกับหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ต่อมาโยมบิดาเสียชีวิตลง ท่านจึงลาสิกขากลับไปดูแลโยมมารดาและครอบครัว แล้วได้แต่งงานมีครอบครัวกับนางธิต มีบุตรด้วยกัน

แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ทางธรรมและเห็นว่าบุตรของท่านเติบใหญ่เลี้ยงตนเองได้ ครอบครัวอยู่กินได้อย่างไม่เดือนร้อน จึงตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้งที่วัดเกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในปี พ.ศ. 2517 แล้วไปจำพรรษาที่วัดทุ่งน้อย ต.เขาแดง อ.กุยบุรี

ต่อมาได้มีผู้จิตศรัทธา 2 ท่านคือ นางวง บุญมา และนางเอื้อน เกตุงาม มีความเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อยิดเป็นอันมาก จึงถวายที่ดินจำนวน 21 ไร่ 2 งานบริเวณ ต.ดอนยายหนู อ.กุยบุรี เพื่อให้ท่านไปจำพรรษา กอปรกับหลวงพ่อยิดมีความคิดเห็นว่าญาติโยมในบริเวณนั้นต้องเดินทางไปทำบุญไกล ท่านจึงตัดสินใจสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2518 โดยให้ชื่อว่า "สำนักสงฆ์พุทธไตรรัตน์"

ในช่วงแรกนั้น หลวงพ่อยิดปลูกกระต๊อบหลังเล็กๆ เป็นที่อาศัย ท่านค่อยๆถากถางเรื่อยไป จนพื้นที่ที่เคยรกดูสะอาดเป็นสัดส่วนขึ้นตามลำดับ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาเก่าๆ เมื่อทราบข่าวก็มาช่วยกันพัฒนาจนเป็นรูปเป็นร่าง และได้ขออนุญาตสร้างเป็นวัดเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2527 และได้รับอนุญาตให้ตั้งชื่อว่า "วัดหนองจอก" โดยใช้ชื่อของท้องถิ่นเป็นชื่อวัด ในปี พ.ศ. 2528

วาระสุดท้าย วันที่ 18 ก.ค. 2538 หลวงพ่อยิดเกิดอาพาธปัจจุบันทันด่วน ด้วยโรคเส้นโลหิตในสมองแตก และเข้ารักษาตัวในห้อง I.C.U โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งมรณภาพลงด้วยอาการสงบในวันที่ 31 ก.ค. 2538 เวลา 03.50 น. คณะศิษย์ได้นำสังขารบรรจุไว้ในโลงแก้ว และได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 เม.ย. 2540 เวลา 14.00 น. ณ เมรุวัดหนองจอก

หลวงพ่อยิด เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงกิตติศัพท์เลื่องลือเป็นที่โจษขานมาตั้ง แต่ท่่านยังเป็นหนุ่ม ท่านศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมหลายแขนงจากครูบาอาจารย์หลายท่าน อาทิ หลวงพ่อหวล วัดนาพรม (วัดประดิษฐวนาราม) หลวงตาพูล วัดนาพรม และหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง รวมทั้งวิชาแพทย์แผนโบราณ

ชื่อเสียงของหลวงพ่อยิดเป็นที่รู้จักเพราะวัตถุมงคลที่ท่านจัดสร้างและปลุกเสก มีลูกศิษย์นำไปบูชาล้วนแต่มีประสบการณ์ เกิดอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์มากมาย ทำให้ท่านเป็นที่เคารพศรัทธามากขึ้นเป็นทวีคูณ

วัตถุมงคลของหลวงพ่อยิดทุกๆ รุ่น ถ้าผ่านการปลุกเสกแล้วเชื่อได้เลยว่าดีแน่ ประชาชนทั่วไปจะรู้จักท่านเกี่ยวกับ "ปลัดขิก" เพราะท่านสามารถปลุกเสกปลัดขิกลุกตั้งได้สามารถพิสูจน์ได้ จึงทำให้ท่านโด่งดังมาก และยิ่งได้มาพบมารู้จักท่านก็ยิ่งเลื่อมใสศรัทธา

สำหรับปลัดขิกที่ผ่านการปลุกเสกจากท่าน มีรายละเอียดดังนี 1. ไม่มีคาถากำกับ 2. การค้าขาย ใช้เอาไปทิ่มกับของที่ขาย ไม่นานจะเห็นผลและจะค้าขายดีอย่างเทน้ำเทท่า 3. งูมีพิษจะอ้าปากไม่ขึ้นถ้าเราเหยียบ หรือนอนทับงูจะตาย 4. เรื่องแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น ตะขาบ แตน ต่อ แมงป่อง เอาไปวนบริเวณที่ถูกกัดต่อยจะหายเป็นปลิดทิ้ง

หลวงพ่อยิด เรียนคาถาเลขยันต์จากอาจารย์ของท่าน อาจารย์บอกว่าต้องรับสัจจะว่าจะอาบน้ำ (สมัยฆราวาส) ปีละครั้ง ท่านก็รับปากอาจารย์จึงสอนวิชาให้ เมื่อท่านเรียนวิชาจบแล้วท่านก็อาบน้ำ จนกระทั่งบวชเป็นพระท่านก็สรงน้ำปีละครั้งตลอดมาในเดือน 4 วันอาทิตย์แรกของข้างแรม

หลวงพ่อยิดสรงน้ำปีละครั้ง ลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาจะเอาแปรงทองเหลืองขัดตัวท่าน ท่านจะยิ้มเพราะไม่เจ็บไม่ระคายผิวหลังท่านเลย

การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อยิด ท่านได้เริ่มทดลองสร้างเพื่อทดสอบพุทธคุณมาตั้งแต่สมัยเป็น ‘อาจารย์ยิด’ แต่สร้างเป็นตะกรุดเพียงไม่กี่ดอก มาเริ่มสร้างอย่างจริงจังเมื่อคราวสร้างวัดหนองจอก โดยสร้างเป็น เหรียญรูปเหมือรุ่นต่างๆ,รูปหล่อ,พระเนื้อผง เครื่องรางของขลัง และปลัดขิก วัตถุทุกชนิดเมื่อผ่านการปลุกเสกจากท่านแล้ว เชื่อถือกันได้ว่า มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก

ที่โด่งดังและรู้จักกันดีทั่วประเทศก็คือ “ปลัดขิก” ว่ากันว่า ท่านมีวิทยาคมแก่กล้าขนาดสามารถเสกปลัดขิกให้บินรอบวัดได้ ก่อนที่จะแจกจ่ายแก่ญาติโยม ซึ่งหลายๆ คนก็ได้ประจักษ์กับสายตามาแล้ว และมีราคาค่านิยมเล่นหาสูง











 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page