สุดยอดเครื่องรางของขลัง“หุ่นพยนต์มนต์พระกาฬ”ศาสตร์เก่า พระเกจิชื่อดังพระอาจารย์วา นรินโท ตำราโบราณกันคุณไสยไล่อัปมงคล ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ รายงานว่า เปิดให้ร่วมบุญบูชาแล้ว สุดยอดเครื่องรางของขลัง “หุ่นพยนต์มนต์พระกาฬ” พระอาจารย์วา นรินโท พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดสนวน ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา วัตถุประสงค์ ในการจัดสร้างหุ่นพยนต์ เพื่อหารายได้สร้างศาลาเอนกประสงค์ เพื่อใช้งานในการจัดกิจกรรมทางพระศาสนา กล่าวสำหรับ “หุ่นพยนต์” มีมาตั้งแต่สมัยบรรพกาลนานนับแต่ครั้งอาณาจักรขอมเรืองอำนาจ ศาสตร์แห่งไสยเวทย์ลึกลับ ได้แทรกซึมเข้ามาในวัฒนธรรมทวารวดี ละโว้ สืบมาจนถึงปัจจุบันตราบใดนครวัดนครธมยังสามารถดึงดูดจิตใจผองมนุษย์ได้ ไสยเวทย์ก็ยังคงไว้ซึ่งพลังอำนาจต่อผองมนุษย์ตราบนั้น
ในยุคสมัยที่ปราศจากการปู้ยี่ปู้ยำธรรมชาติเพื่อให้เกิดประดิษฐ์กรรมใหม่ๆ เพื่อเซ่นสรวงแก่ความละโมบและความสะดวกสบายของหมู่มวลมนุษย์เฉกเช่นในยุคปัจจุบัน ในสภาวะเช่นนั้นบรรพบุรุษของเรามีวิธีการดำรงชีวิตอยู่อย่างไร พวกเขาแสวงหาสิ่งอันพึงปารถนาอย่างไร พิทักษ์รักษาสิ่งที่ตนปารถนาที่ได้มาแล้วนั้นอย่างไร และจัดการอย่างไรกับผู้ประสงค์ร้ายต่อสิ่งที่ตนปารถนานั้น แม้ในยามทำกลศึกสงคราม หลายตำนานก็กล่าวถึง การผูกหุ่นพยนต์ เข้าสู้รบกับศัตรูเป็นกลลวง หุ่นพยนต์ จึงถือว่าเป็นของกระทำ อีกชิ้นหนึ่งที่ยังมีความศักดิ์สิทธิ์เชื่อถือ
เป็นมรดกตกทอดจนตราบถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับควายธนู วัวธนู กุมารทอง ที่ความกายสิทธิ์พิสดารยังเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาผู้บูชานับถืออยู่อย่างกว้างขวาง หุ่นพยนต์มีความอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์อย่างไร หุ่นพยนต์ นั้นเป็นของกระทำที่มีอานุภาพ ในด้านการปกปักรักษา คุ้มคน คุ้มทรัพย์สิน คุ้มทั้ อาณาเขตที่ตั้งจิตคิดถึงให้รอดพ้นจากสารพัดภยันตราย ทั้งจากมนุษย์และอมนุษย์ ทั้งสิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นพรายกระซิบ บอกเหตุ เตือนภัยที่กำลังจะมาถึง รับเคราะห์แทนเจ้าของ บอกโชคให้ลาภ บอกหวย เรียกเงิน เรียกทอง เรียกทรัพย์ เสี่ยงดวงพนัน ป้องกันคุณไสยไล่อัปมงคล ไล่ผีเร่ร่อน ช่วยทำมาค้าขาย เรียกคนเข้าร้าน ธุรกิจการงาน เฝ้าบ้าน เฝ้าของ เฝ้ารถ ทรัพย์สินเงินทอง กันขโมย
ด้วยโบราณจารย์ได้ออกกุศโลบายให้สำเร็จประโยชน์ทั้งหมู่มวลมนุษย์และเหล่าเจตภูตเร่ร่อน จึงได้ตรึงเจตภูตเหล่านั้นลงสู่วัตถุธาตุ โดยกำหนดให้มีธาตุขันธ์ พร้อมทั้งอาการทั้ง 32 เพื่อให้ได้มีที่สิงสถิต และจะได้ประกอบกรรมอันเป็นประโยชน์ ต่อสุจริตชนให้ได้รับความอยู่เย็นเป็นสุข และอยู่รอดปลอดภัย อุปเท่ห์การใช้นั้นวิเศษสุดยอดพิสดาร นอกจากอานุภาพในด้านการป้องกันดังกล่าวไปแล้ว บูชาหุ่นพยนต์อย่างไรให้ได้ผลท่านว่า หากโดนให้ร้ายป้ายความ ให้เขียนชื่อศัตรูลงในกระดาษ แล้วนำหุ่นพยนต์ วางทับชื่อนั้นไว้ พร้อมอธิษฐานว่า " หุ่นพยนต์นี้พูดไม่ได้ฉันใด ให้...ชื่อศัตรู...ไม่พูดไม่ใส่ความข้าพเจ้าฉันนั้น " ศัตรูจะกลับใจไม่ให้ร้ายใส่ความแก่เราได้เลย หรือหากปารถนาจะกระทำสิ่งใดให้มากไปกว่านี้ ก็บอกกล่าวแก่หุ่นพยนต์นั้นเถิด ให้ไปทำแทนเราได้แล แต่ทว่าจะให้เป็นไปถึงขั้นนี้จิตของผู้ใช้จะต้องสนิทแนบแน่นเป็นหนึ่งเดียวกันกับหุ่นพยนต์ แม้หลับตาก็ต้องให้เห็นชัดเจนประดุจดังลืมตาฉะนั้น มิใช่แต่จะทางบู้เท่านั้น อานุภาพทางบุ๋นก็ไม่เป็นรองใคร ผิว่าจะให้เป็นเมตตามหานิยม ให้เขียนชื่อผู้ที่เราปราถนาลงในกระดาษแล้วนำหุ่นพยนต์ วางทับกระดาษาชื่อนั้นไว้ พร้อมอธิษฐานบอกกล่าวความประสงค์แก่หุ่นพยนต์ ให้ทำเสมือนว่าหุ่นพยนต์นั้นมีชีวิตอยู่จริง เช่น ให้เขาฝันเห็นเรา รักเรา มาหาเราแล หรือผิว่าจะให้เป็นมหานิยมแก่คนทั้งหลายให้เขียนลงกระดาษว่า สัพเพชนา พหุชนา แล้วนำหุ่นพยนต์ วางทับกระดาษาชื่อนั้นไว้
สำหรับประวัติคร่าวๆ พระอาจารย์วา นรินโท พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดสนวน ต.หนองไข่น้ำ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ท่านมีนามเดิมว่า นายชรินทร์ แซ่รอ บิดาชื่อ นายสงวน แซ่รอ มีมารดาชื่อ นางสงวน แซ่รอ มีพี่น้อง 4 คน โดยพระอาจารย์วา เป็นคนที่ 3 ก่อนอุปสมบทท่านมีอาชีพทำไร่ทำนา มีอุปนิสัยเป็นคนร่าเริงชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ มีจิตรใจที่แน่วแน่มุ่งมั่นในสิ่งที่ทำอย่างตั้งใจและต้องทำให้สำเร็จ
พระอาจารย์วา อุปสมบท เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2546 ณ พัทธสีมา วัดด่านติง ต.จันอัด อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โดยมีพระครูปริยัติประภากร เป็นพระอุปัชฌาย์ มีฉายาว่า พระชรินทร์ นรินโท และได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดสนวน ที่มีหลวงพ่อโม โกวิทโท เป็นเจ้าอาวาส ด้วยพระอาจารย์วา เป็นคนที่ชอบเรียนรู้ศึกษาอักขระเลขยันต์ในระหว่างที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดสนวน พระอาจารย์วาได้ศึกษาวิชาจากฆราวาสคนเก่าแก่ละแวกวัดหลายท่านจนมีความชำนาญในเรื่องของอักขระเลขยันต์ จนกระทั่งวันนึงพระอาจารย์วา ได้พบกับตำราสมุดข่อยโบราญของ หลวงพ่อก้อน โอภาโส อดีตเจ้าอาวาสวัดด่านติง เกจิอาจารย์ยุคเก่ามากวิชา และพระอาจารย์ก็ได้ศึกษาร่ำเรียนจากตำราจนมีความชำนาญ
ต่อมาพระอาจารย์วา ก็ได้ออกไปศึกษาพระธรรมต่อที่ วัดคูบางหลวง จ.ปทุมธานี จนจบนักธรรมชั้นเอก ในระหว่างที่พระอาจารย์วา จำพรรษาอยู่ที่ วัดคูบางหลวง ก็ได้มีลูกศิษย์ลูกหาได้มาขอให้ท่านสร้างวัตถุมงคล เพื่อนำมาพกติดตัวเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตรใจและเป็นสิริมงคล พระอาจารย์วาจึงสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อแจกให้กับลูกศิษย์ใกล้ชิดจนเกิดประสบการณ์มากมายเป็นที่รู้กันในหมู่ลูกศิษย์เขตพื้นที่ปทุมธานีและนครราชสีมา
หลังจากที่พระอาจารย์วา ศึกษาพระธรรมจนจบ พระอาจารย์วาได้ธุดงค์กลับมาจำพรรษาต่อที่วัดสนวนอีกครั้ง ขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดสนวนก็มีลูกศิษย์มาขอพระอาจารย์วาสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาอีกหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นพระอาจารย์วาสร้างจำนวนน้อย เนื่องจากทำเพื่อแจกให้เฉพาะลูกศิษย์เท่านั้น
Σχόλια