top of page
ค้นหา

"อัตชีวประวัติตอนพระคุณท่านหลวงปู่ศรีทา สิริจันโท ไปศึกษาข้อวัตรธรรมวินัยเวทย์วิทยาคมกับพ่อแม่ครูอาจ

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 20 ต.ค. 2564
  • ยาว 1 นาที

"อัตชีวประวัติตอนพระคุณท่านหลวงปู่ศรีทา สิริจันโท ไปศึกษาข้อวัตรธรรมวินัยเวทย์วิทยาคมกับพ่อแม่ครูอาจารย์ของท่าน” หลังจากท่านพระภิกษุหนุ่มศรีทาในสมัยนั้นท่านได้อยู่ศึกษาสรรพวิชชาต่างๆจากท่านพระอุปัชฌาย์ที่วัดราศีไสลบ้านฟ้าเลื่อมพอสมควรแล้วท่านก็ได้กราบลาท่านหลวงปู่จำปาพระอุปัชฌาย์เพื่อมาขอศึกษาเพิ่มเติมกับท่านพระอนุสาวนาจารย์ของท่านคือท่านพระครูโพธิคุณาภิวัฒน์(หลวงปู่คูณ จันทโชโต)ที่วัดบ้านกระจาย ซึ่งในขณะนั้นทางวัดบ้านกระจายได้สร้างศาลาการเปรียญขึ้นพอดี ท่านพระภิกษุศรีทานี้ก็นับว่าเป็นกำลังสำคัญในการช่วยสร้างศาลาที่วัดบ้านกระจายนี้ด้วย พอท่านมาอยู่ศึกษาความรู้กับพระคุณท่านหลวงปู่คูณที่วัดบ้านกระจายได้ระยะหนึ่งแล้ว ด้วยความที่ท่านเป็นพระภิกษุหนุ่มผู้แสวงหาความรู้อยู่ตลอดมิได้ขาด ท่านก็ได้กราบลาท่านหลวงปู่คูณไปขอศึกษาความรู้กับท่านพระมงคลวราจารย์(หลวงปู่ธีร์ เขมจารี)ที่อำเภอภูเวียง ด้วยความที่ท่านคุ้นเคยกับท่านหลวงปู่ธีร์นี้ตั้งแต่สมัยท่านยังเป็นสามเณรและด้วยความที่เป็นคนฉลาด นอบน้อม รู้กาลเวลาเป็นนิสัยอยู่แล้ว ทำไห้ท่านหลวงปู่ธีร์นี้ รักและเมตตาต่อพระภิกษุศรีทาเสมอลูกเลยก็ว่าได้ จึงได้ถ่ายทอดเคล็ดลับการเข้าครองภาวนาทั้งวิทยาคมขักขระเลขยันต์ตามสายวิชาบ้านฟ้าเลื่อมไห้จนครบกระบวน จนท่านหลวงปู่ธีร์นี้ไว้ใจและไห้พระภิกษุศรีทานี้ไปสงเคราะห์ญาติโยมที่ได้ยากแทนท่านก็มี ดังเมื่อคราวครั้งหนึ่งที่นาของโยมทางบ้านกระจายเกิดเข็ดขวางขึ้น(ตามความเชื่อของคนอีสานว่าที่นาเข็ดขวางนี้ขึ้นเมื่อใดจะทำไห้เจ้าของที่นั้นต้องมีอันเดือดร้อนทั้งทางกายและใจ)โยมที่บ้านกระจายนี้จึงได้ไปกราบขอเมตตาพระคุณท่านหลวงปู่ธีร์ไห้มาช่วย ท่านหลวงปู่ธีร์ท่านพิจารณาเห็นถึงความสามารถของพระภิกษุศรีทาผู้ศิษย์นี้ ท่านจึงได้ไห้พระภิกษุศรีทานี้มาแก้ที่เข็ดขวางไห้กับญาติโยมบ้านกระจายแทนท่าน ท่านพระภิกษุศรีทาท่านก็ได้นำวิชาความรู้ที่ท่านได้ศึกษามาจากพระอาจารย์ของท่านสงเคราะห์ไห้แก่ญาติโยมจนสงบร่มเย็นดีที่นานั้นก็หายเข็ดขวางไปสิ้น ช่วงเวลาที่ท่านไปศึกษาความรู้กับท่านหลวงปู่ธีร์นี้เอง หลวงปู่ธีร์ได้เล่าถึงพระมหาเถราจารย์ลูกศิษย์หลวงปู่สำเร็จลุนผู้วิเศษแห่งนครจำปาศักดิ์ชื่อว่าหลวงปู่ทองมา ถาวโร แห่งวัดบ้านสว่างท่าสี จ.ร้อยเอ็ดว่ามีความเก่งกาจมากท่านหลวงปู่ทองมาเคยมาโปรดญาติโยมที่เดือดร้องแถว อ.น้ำพอง,กระนวน,ภูเวียง นี้บ่อย ทั้งประสบการณ์เรื่องตั้งหลักบ้าน ปราบปอบ ผี ที่มากระทำย่ำยี ตลอดจนสัตว์ป่าที่มาเบียดเบียนชาวบ้านจนสงบร่มเย็นดี โดยท่านหลวงปู่ธีร์ได้เล่าไห้พระภิกษุศรีทาฟังว่า แถวนั้นมีกุดหรือวังน้ำแห่งหนึ่งซึ่งมีจรเข้มาก ทำไห้ชาวบ้านแถวนั้นไม่เป็นอันทำมาหากิน ท่านหลวงปู่ทองมานี้เพียงแค่มายืนชีนิ้วที่ริมฝั่งน้ำแล้วสั่งว่าไห้จระเข้ทั้งหลายนี้ ไห้หนีออกไปจากที่นี่เสีย ชาวบ้านเขากลัว ไม่กล้าข้ามผ่านไปมาหรือประกอบอาชีพทางน้ำ เดี๋ยวจะพากันเป็นบาป พอท่านพูดเสร็จท่านก็กลับมา พอตกกลางคืนปรากฏว่ามีฝนตกหนักตลอดทั้งคืน พอรุ่งเช้ามาที่น้ำนั้นจากที่เคยน้ำใสก็เกิดขุ่นขึ้นมาเหมือนมีคนไปกวนหรือเหยียบย่ำไห้โคลนตมขุ่นขึ้นมา หลังจากนั้นชาวบ้านแถวนั้นก็ไม่มีจระเข้ปรากฏขึ้นไห้เห็นอีกเลย นี้คือเรื่องที่หลวงปู่ธีร์เมตตาเล่าถึงความเก่งของท่านหลวงปู่ทองมา พอพระภิกษุศรีทาอยู่ศึกษาความรู้กับหลวงปู่ธีร์จนสมควรแล้ว ท่านก็ได้กราบลาหลวงปู่ธีร์กลับมาที่วัดบ้านกระจาย ด้วยใจที่เกิดความเคารพในหลวงปู่ทองมานี้แล้ว พอท่านกลับมาที่วัดบ้านกระจายได้สักระยะท่านก็ได้เดินทางไปกราบองค์หลวงปู่ทองมาแห่งวัดบ้านสว่างท่าสี ผู้เขียนได้ถามท่านว่าหลวงปู่เดินทางไปยังไง ท่านหลวงปู่ศรีทาก็ตอบว่าท่านเดินไป โดยออกเดินตั้งแต่เช้าแล้วไปพักนอนที่บ้านหลานท่านก่อนหนึ่งคืน พอตื่นเช้าจึงได้เดินทางต่อจนไปถึงและได้กราบหลวงปู่ทองมา โดยคืนที่ท่านได้มานอนพักที่บ้านหลานท่านนี้เอง ท่านได้มีนิมิตฝันไปว่า ท่านเดินเข้าไปที่วัดแห่งหนึ่ง ตรงหน้าท่านมีกุฏิไม้หลังใหญ่ แล้วก็ได้มีตาผ้าขาวท่านหนึ่งเดินมาแล้วก็บอกท่านว่า นี้แหละคือกุฏิพระธุดงค์ลูกศิษย์สำเร็จลุน ซึ่งพอรุ่งเช้าท่านตื่นมาและได้ออกเดินทางไปถึงวัดสว่างท่าสี ก็ปรากฏว่ามีกุฏิไม้และเป็นกุฏิขององค์หลวงปู่ทองมาจริงๆเหมือนอย่างในนิมิตรนั้น พอท่านเดินขึ้นไปบนกุฏิก็ปรากฏว่าหลวงปู่ทองมาได้ครองจีวรและนั่งรออยู่ก่อนแล้ว และได้เอ่ยว่า “เอ้ามาๆถ้าอยู่ๆเข้ามาๆ” ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักที่หลวงปู่ทองมาล่วงรู้มาก่อนได้อย่างไรว่าท่านหลวงปู่ศรีทาจะเข้ามากราบ ท่านได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตลอดจนสอบถามข้อวัตรปฏิบัติกับหลวงปู่ทองมาจนเป็นที่สมควรแล้ว ท่านหลวงปู่ทองมาได้มอบข้อธรรมการปฏิบัติเข้าถึงพระรัตนตรัยเป็นที่ตั้งและได้มอบตระกรุดไห้แก่หลวงปู่ศรีทา ท่านหลวงปู่ศรีทาก็จึงได้กราบลาหลวงปู่ทองมาและเดินทางกลับวัดบ้านกระจาย โดยท่านเมตตาเล่าถึงหลวงปู่ทองมาด้วยความประทับใจว่า”ผู้เฒ่าคือหลวงปู่ทองมานิเมตตาคักเด้อ ใจเย็นคักเด้อ”…… ปล.เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเขียนเล่าเรื่องประวัติของหลวงปู่ศรีทาต่อนะครับ แล้วคอยติดตามกันนะครับ #ร่วมกันเผยแพร่บารมีหลวงปู่ศรีทาช่วยกันนะครับ #น้อบกราบหลวงปู่ศรีทา #ขออนุญาติเจ้าของรูปด้วยนะครับ






 
 
 

Comentários


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page