top of page
ค้นหา

เปิดชีวประวัติ"คุณแม่ชีอัมพร ทำรัมย์ " ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระพุทธเมตตาภูผาชัน

รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริอ.อนุชา ทรงศิริ

เปิดชีวประวัติ"คุณแม่ชีอัมพร ทำรัมย์ "

ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระพุทธเมตตาภูผาชัน

ศิษย์สายธรรมหลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ

ทีมข่าว"คัมภีร์นิวส์"ร่วมเผยแพร่ชีวประวัติ

"คุณแม่ชีอัมพร ทำรัมย์" ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระพุทธเมตตาภูผาชัน ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ศิษย์สายธรรมหลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ อดีต้จ้าอาวาสวัดเกาะแก้วธุดงคสถาน (บ้านระหาน) อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์

คุณแม่ชีอัมพรเกิดเมื่อวันอังคาร เดือน 9 ปีขาล พ.ศ. 2505 ที่บ้านหนองคูใหญ่ ต.ทุ่งกระเต็น อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ บิดาชื่อ"อัมคา" มารดาชื่อ"จันทร์" นามสกุล"ทำรัมย์" มีพี่น้อง2คน คือ 1.คุณแม่ชีอำพร ทำรัมย์ 2.นายสมร ทำรัมย์

ครั้นเมื่อคุณแม่จันทร์เสียชีวิตลง คุณพ่ออัมคาก็อยู่กับคุณแม่ชีอัมพรมาได้หลายปีจึงมีภรรยาใหม่ ชื่อนางแพง และมีลูกอีก 3คน

1. นางบังอร ไชยโย 2. นางบัวสอน ณรงค์ศักดิ์ 3.นางสาววิธาลดา ทำรัมย์

ต่อมาคุณแม่ชีอัมพรเกิดความเบื่อหน่ายทางโลกหลายครั้งหลายคราว แต่เหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้คุณแม่บวชชีนั้นคือคุณพ่ออัมคาได้เสียชีวิต ในวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ 2550 ท่านเสียใจมากจึงตัดสินใจบวชเป็นแม่ชี ในวันพฤหัสบดี ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2551 (ตรงกับวันมาฆบูชา เดือน 3) ณ วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน (บ้านระหาน) อ. บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ โดยหลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ เมตตาบวชให้

หลังบวชเสร็จท่านได้ประพฤติปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่จันทร์แรมระยะหนึ่ง หลวงปู่จันทร์แรม ท่านได้กล่าวผญา(คำกลอนลำนำอิสานโบราณ)ว่า ต่อไปภายภาคหน้า "จากงูเขียวจะกลายเป็นมังกร ว่ายข้ามแม่น้ำ 3 สาย "

ในกาลต่อมาทุกอย่างในคำพยากรณ์กำลังจะเกิดขึ้นบนเขาภูผาชัน จ.นครราขสีมา

แห่งนี้

หลังจากนั้นหลวงปู่จันทร์แรมท่านก็ให้คุณแม่ ไปอยู่ในป่าที่สงบสงัด เพราะท่านรู้ว่า ในหัวใจคุณแม่มีแต่อยากภาวนาและระลึกถึงแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น คุณแม่จึงออกเดินทางไปจำพรรษาที่วัดศรีมหาเทพนิมิตรวนาราม เป็นวัดราษฎร์ สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย ตั้งอยู่ที่หมู่ 7 ต.ชะอม อ.แก่งคอย จ.สระบุรี มีพระครูภาวนาวิทยาคม ( หลวงพ่อวิชา อภินันโท) เป็นเจ้าอาวาส

หลังจากจำพรรษาได้ 1 พรรษา คุณแม่ชีอัมพรจึงออกเดินธุดงค์มายังสถานที่เขาภูผาชัน จ. นครราชสีมา ซึ่งสำนักสงฆ์ภูผาชันข้างล่างที่อยู่อาศัยก็มีพระแวะเวียนมา แต่ไม่ได้อยู่ถาวร ข้างบนปิดประตูตาย รกร้าง คุณแม่ชีอัมพรจึงหนีความวุ่นวายขึ้นไปอยู่ข้างบนเขา และไม่ลงมาอีกเลย ท่านปฏิบัติบนเขา จนเกิดดวงตาเห็นธรรม

ในราวปี 2553ท่านรำลึกถึงพระมหากรุณา ธิคุณอันยิ่งใหญ่ในพระบรมศาสดาจึงแกะสลักหินผาเป็นรูปพระพุทธเจ้าปางปรินิพพาน ช่วงที่ท่านแกะนั้น มีความยากลำบาก เพราะท่านอยู่รูปเดียว มีมารมาขวางกั้นไม่ให้ท่านแกะพระพุทธเจ้า ท่านโดนโจมตีอย่างหนัก โดนขโมยเครื่องมือของใช้ต่างๆ และไล่ท่านให้ลงจากเขา มีผู้ชายคนหนึ่งแต่งชุดคล้ายตำรวจ ขึ้นมาเอามือมาปัดศีรษะคุณแม่ชีอำพร แต่ท่านก็อดทนและต่อสู้มาได้

กาลต่อมา หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต วัดโนนสว่าง หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ได้ทราบข่าว ท่านจึงรีบขึ้นมาหาคุณแม่ชีอำพร และทำน้ำมนต์อาบให้ และให้คุณแม่รับศีลใหม่ ตั้งแต่บัดนั้นมา คุณแม่ชีอัมพรก็นับถือหลวงพ่อเจริญเป็นครูบาอาจารย์อีก 1 รูป

หลวงพ่อเจริญเลยประกาศคุณธรรมคุณแม่ชีอำพร และบอกกับทุกคนว่า บนเขาภูผาชันนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก มีสิ่งเร้นลับหลายภพหลายภูมิ เหมือนประเทศลาวที่ภูเขาควาย พระจะอยู่ไม่ได้ แต่จะมาประพฤติปฏิบัติชั่วครั้งชั่วคราวได้บนเขาภูผาชัน สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะรับเฉพาะแม่ชีที่ศีลบริสุทธิ์และอุบาสกอุบาสิกาเท่านั้น ตอนนี้บนขาภูผาขัน อยู่ในความดูแลของเจ้าคณะจังหวัดและเจ้าคณะตำบล จ.นครราชสีมา

ประมาณปลายปี 2560 คุณวิทยา ฝอยพิกุล( พี่หมู) ลูกศิษย์คนหนึ่งของคุณแม่ได้เข้ามารู้จักกับอาจารย์วิกรานต์ แซ่ลี้ ประธานชมรมสู่ร่มโพธิญาณ และได้ร่วมทำบุญกับชมรมฯมาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสมากราบทำบุญและรู้จักกับคุณแม่ชีอำพร บนเขาภูผาชัน

ในกาลต่อมาคุณวิทยา ฝอยพิกุล( พี่หมู)ได้มีโอกาสเล่าเรื่องคุณแม่ชีให้ อ.วิกรานต์ฟังว่า

ตอนนี้ตนเองได้มาทำบุญและปฏิบัติธรรมบนเขาภูผาชัน คุณแม่อำพรเป็นประธานอยู่ ถ้ามีโอกาสอาจารย์ผ่านมาโคราชจะพามารู้จักกับคุณแม่ครับ

แล้ววันหนึ่งคณะชมรมฯได้ตระเวนไปกราบทำบุญพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลายรูป และผ่านมาโคราช จึงชวนอาจารย์ขึ้นมากราบคุณแม่ชีอำพร แต่กว่าจะมาถึงก็ค่ำแล้ว เมื่อมาถึงอาจารย์และคณะก็ได้กราบ คุณแม่ชีอำพร แล้วสนทนาธรรมกัน ในระหว่างคุยกันมีช่วงหนึ่งคุณแม่เล่าว่า ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่จันทร์แรมเป็นผู้บวชให้ เมื่อบวชเสร็จแล้ว

ท่านก็กล่าวพยากรณ์เป็นปริศนาธรรมว่า "งูเขียวจะกลายเป็นมังกร ว่ายข้ามแม่น้ำ3สาย "

ในตอนนั้นอาจารย์วิกรานต์ ก็หวนรำลึกถึงคำพูดของหลวงปู่จันทร์แรมขึ้นมาทันทีและรู้สึกขนลุก ด้วยเคยได้ยิน หลวงปู่จันทร์แรมกล่าวคำนี้ไว้เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เมื่อคราวหลวงปู่จันทร์แรมฝา ฝ่าพระพุทธหัตถ์ ไว้ให้ลูกศิษย์แก้วของท่าน และอาจารย์ก็รับรู้ได้ว่าเจอศิษย์แก้วของหลวงปู่จันทร์แรมแล้ว จึงเล่าเรื่องต่างๆให้คุณแม่รับทราบ ว่า

เหตุเพราะ20ปีก่อนได้เริ่มก่อตั้งชมรมสู่ร่มโพธิญาณใหม่ๆ ในช่วงนั้น อ.วิกรานต์และคณะกำลังก่อสร้างวิหารถวายพระถังซัมจั๋งและสร้างวัตถุมงคลรูปเหมือนพระถังซัมจั๋งไว้แจกและถวายพ่อแม่ครูบาอาจารย์ตามวัดต่างๆไว้ให้ท่านแจกและมอบให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมทำบุญ

ในช่วงนั้น อ.วิกรานต์ มีนิมิตพระเบื้องบนท่านมีรับสั่งให้นำฝ่าพระพุทธหัตถ์ ไปทำพิธีบวงสรวงปลุกเสกเพื่อไว้มอบให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ร่วมบุญกับชมรม ทางคณะชมรมจึงนำฝ่าพระพุทธหัตถ์และวัตถุมงคลและมวลสารต่างๆไปขอพ่อแม่ครูบาอาจารย์ให้ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้

พระเถระนับร้อยๆองค์ได้เมตตาอธิษฐานจิตให้ หนึ่งในนั้นคือ หลวงปู่จันทร์แรม และเมื่อท่านอธิฐานจิตให้เรียบร้อยแล้ว ท่านก็หยิบฝ่าพระพุทธหัตถ์ขึ้นมาชม แล้วกล่าวว่า

"สวยดีนะ เอ้อศักดิ์สิทธิ์มากนะ ดีๆๆ พุทธบารมีคุ้มครองคุ้มกันภัยได้ทุกอย่าง

กราบไหว้เป็นพุทธานุสติจะได้บุญดีบุญใหญ่นะ" แล้วท่านก็วางลง

อ.วิกรานต์และคณะเห็นท่านชื่นชมและดูท่านชอบมากจึงพากันพร้อมใจถวายท่าน 1 ชิ้นพร้อมปัจจัยและเครื่องสังฆทาน ท่านก็เมตตารับด้วยรอยยิ้มแบบปิติใจ ทำเอากลุ่มคณะชมรมรู้สึกอิ่มเอิบใจเป็นที่สุดที่เห็นท่านมีความสุขใจ ท่านรับแล้วท่านก็ให้พร เมื่อท่านให้พรจบแล้วก็กล่าวกับ อ.วิกรานต์ ว่า" เรารับแล้ว แต่เราขอฝากเธอเอาไว้ก่อนนะให้เธอเก็บเอาไว้ให้ศิษย์แก้วของเราด้วย" เมื่อท่านกล่าวจบ ท่านก็ยื่นฝ่าพระพุทธหัตถ์กลับมาให้ อ.วิกรานต์ ทุกคนฟังแล้วก็รู้สึกงงๆ

อ.วิกรานต์ ก็ยื่นมือไปรับแล้วกราบเรียนถามท่านว่า ฝากไว้ให้ใครครับ? ท่านก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า "เอาเถอะ ถึงเวลาจะได้รู้จะได้เจอกันเอง" แล้วท่านก็พูดประมาณว่า ศิษย์แก้วเรานี้มีบุญมาก ต่อไปจะได้ทำงานใหญ่ถวายพระศาสนา แล้วท่านก็กล่าวเป็นลำนำคล้ายคำกลอนเป็นภาษาอีสานประมาณว่า "งูเขียวจะกลายเป็นมังกร ก้าวข้ามแม่น้ำ3สาย "

แม้อาจารย์จะรู้สึกงงๆ แต่ก็ได้เก็บฝ่าพระหัตถ์ไว้นานจนเกือบลืมไปแล้ว จนได้มาเจอคุณแม่ชีอำพร เมื่อท่านพูดประโยคนี้จึงระลึกถึงคำกล่าวของหลวงปู่จันทร์แรมขึ้นมาได้ อ.วิกรานต์ จึงบอกกับคุณแม่ว่า หลวงปู่จันทร์แรมท่านก็เคยพูดประโยคนี้กับผมและคณะ ซึ่งตรงกับที่หลวงปู่ท่านพูดกับคุณแม่กล่าวมาเลย

จากนั้นอาจารย์ก็ได้อธิบายถึงคำที่หลวงปู่จันทร์แรมกล่าวไว้คือ "งูเขียวจะกลายเป็นมังกร ว่ายข้ามแม่น้ำ3สาย" แม่น้ำ 3สายก็คือ

1.สายวัชระยาน(สายทางแถบทิเบต) 2.สายมหายาน(สายทางเมืองจีน) 3.สายเถรวาท (สายทางบ้านเรา) ทุกสายจะมารวมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ ส่วนงูเขียวจะกลายเป็นมังกรนั้น ก็ขอให้ทุกท่านพิจารณาเอาเองว่าต่อไปในภายหน้าคุณแม่จะมีคุณธรรมมากขนาดไหน

ครั้นเมื่ออ.วิกรานต์ได้รู้จักคุณแม่ชีอัมพรแล้ว ไม่นานก็มีพระบรมบุราณธาตุพุทธเจ้าเสด็จมาถึง2พระองค์ ตอนที่อ.วิกรานต์ ได้สวดมนต์ภาวนาอยู่ที่บ้าน แล้วได้นิมิตรับสั่งจากเบื้องบน ว่าพระบรมบุราณธาตุที่เสด็จมาครั้งนี้ คือพระรัตนสัมภวะพุทธเจ้า ห้ามแยกออกจากกัน ให้มาถวายคุณแม่ชีอัมพร ที่จังหวัดนครราชสีมา

อ.วิกรานต์ จึงได้โทรมาบอกพี่หมูและเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่พระบรมบุราณธาตุรัตนสัมภวะพุทธเจ้าเสด็จ แล้วบอกว่า จะส่งมาให้พี่หมูถวายคุณแม่ชีอัมพร เมื่อพี่หมูได้รับแล้ว ก็ได้ถวายคุณแม่ชีอัมพร เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ 2564

คำกล่าวของคุณแม่ชีอัมพรในวันที่ถวายพระบรมบุราณธาตุรัตนสัมภวะพุทธเจ้า " เมื่อมีเหตุ ที่ไม่ใช่เหตุบังเอิญ เหตุที่เราเคยอธิษฐานจิตร่วมกัน วิบากกรรมเราก็ทำตามวิบากกรรมไปก่อน สุดท้ายก็มาอยู่ตรงจิต ที่เราจะอธิษฐานจิตพร้อมกันมันก็สำเร็จ เพราะเราเคยอธิษฐานร่วมกันกับพระพุทธเจ้าองค์นี้ คือพระมหาลาภ จะทำสิ่งใดแล้วนั้นย่อมสำเร็จ พ่อมาแล้ว ทุกคนที่มาวันนี้ก็เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

นับตั้งแต่ที่ได้ถวายพระบรมบุราณธาตุรัตนสัมภวะพุทธเจ้าคำพยากรณ์ของหลวงปู่จันทร์แรมก็เป็นจริง แม่น้ำ 3 สาย ได้มาบรรจบรวมกันบนเขาภูผาชัน ที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมพระพุทธเมตตาภูผาชัน ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

ตรงนี้ทำให้เกิดความอัศจรรย์ใจยิ่งในญาณทัศนะแห่ง หลวงปู่จันทร์แรมท่านหยั่งรู้เรื่องราวล่วงหน้าในอนาคตถึง 20 กว่าปี แม้สรีระท่านได้รับการพระราชทานเพลิงศพแล้ว อัฐิของท่านก็ยังได้แปรเป็นพระธาตุเป็นสิ่งยืนยันในคุณธรรมขั้นสูงของท่านได้ดีครับ

สำหรับพิธีเชื่อมแม่น้ำ 3 สายเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2565 หลวงพ่อเย็นอี่ วัดโพธิ์เย็น จ.กาญจนบุรี พระมหาเถระฝ่ายมหายานองค์สำคัญของแผ่นดิน ศูนย์รวมฝ่ายมหายานและวัชระยาน ผู้มีจิตเมตตาเยือกเย็น บารมีไม่มีประมาณ เป็นประธานในพิธีอธิษฐานจิตเบิกพระรัศมีฝ่าพระพุทธหัตถ์ตามแนวพิธีกรรมแบบโบราณเจริญพุทธมนต์

ในงานนี้ มีการถวายเพลพระสร้างบารมีบำรุงศิษย์พระตถาคตทั้ง 3 นิกาย คุณแม่ชีอัมพรและคณะศิษย์ ได้รับธรรมโอวาทจากหลวงพ่อเย็นอี่ด้วยความปิติชุ่มชื่นใจ

ทั้งนี้ คุณแม่ชีอำพร ทำรัมย์ เป็นผู้เคร่งครัดในศีลาจริยาวัตรงดงาม ตั้งมั่นในศีล สมาธิ ปัญญา ตามคำสอนแห่งพระบรมศาสดามาตลอด ท่านไม่เคยโอ้อวดว่าท่านเก่ง ทำตัวเรียบง่าย

ปัจจุบันนี้ คุณแม่ชีอัมพรท่านได้แกะสลักหินเป็นรูปต่างๆ ได้หลายองค์ เช่น พระพุทธเมตตาภูผาชัน, พระพุทธรูปปางปรินิพพาน, พระพุทธบามิยัน, พระพุทธเจ้าข้ามโลก(ชื่อเต็ม พระรัตนสัมภวะไพรีพินาศพุทธเจ้าข้ามโลก) พระพุทธไสยาสน์ศากยะมุนีศรีภูผาชัน, พระสิวลีปางจกบาตร, องค์พระอุปคุต, รอยพระพุทธบาท, ท้าวเวสสุวรรณ, พญานาค (ชื่อท่านย่านาคีเทวีจันทรา) พญาครุฑ, แม่พระธรณี พระแม่กวนอิมปางธัญญะทิพย์กวักทรัพย์,ฝ่าพระพุทธหัตถ์ องค์ท่านมหาเทพที่ปกปักรักษาบนเขาภูผาชัน



 
 
 

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page