top of page
ค้นหา

คัมภีร์นิวส์ได้มีโอกาสลงพื้นที่ไปขอความเมตตาสัมภาษณ์พูดคุยกับ “พระอาจารย์ชลัช ขันติโก” หรือพระอาจารย์ไก่ พระเกจิดังวัดโพนสวรรค์ นครพนม

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 12 นาทีที่ผ่านมา
  • ยาว 2 นาที

#คัมภีร์นิวส์รายงานวันนี้ทีมงานได้มีโอกาสลงพื้นที่ไปขอความเมตตาสัมภาษณ์พูดคุยกับ “พระอาจารย์ชลัช ขันติโก” หรือพระอาจารย์ไก่ พระเกจิดังวัดโพนสวรรค์ นครพนม


จากการได้ไลฟ์สดมีลูกศิษย์ลูกหาสนใจอยากรู้ประวัติท่านเยอะ คัมภีร์นิวส์ จึงขอนำเสนอและนำมาบันทึกไว้ดังนี้


ประวัติ พระอาจารย์ชลัช ขันติโก นามเดิมชื่อ ชลัช บุญจันทร์ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๔ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๕ ปี จอ เป็นบุตรของนายสมหมาย และนางบุญใจ บุญจันทร์ ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ ๖ ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ปัจจุบันอายุ ๔๒ ปี พรรษา ๑๖ เป็นพระที่ปฏิบัติดี สมถะ เรียบง่าย ชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก บริจาคสิ่งของช่วยเหลือ มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กนักเรียน หรือผู้อื่นๆ

🔘เมื่อครั้งเป็นฆราวาส

เมื่อครั้ง ด.ช.ชลัช บุญจันทร์ ยังเป็นเยาว์วัย อายุ ๑๒ ปี ได้รู้จักกับพ่อเพ็ง จำปาจีน (อาจารย์ คนที่ ๑) ซึ่งเป็นสัปเหร่อใน ต.น้ำเขียว และพ่อเพ็งได้สั่งสอนวิชาการเป็นสัปเหร่อ พิธีกรรมงานศพของสัปเหร่อ ให้กับ ด.ช.ชลัชฯ เป็นเวลาหลายปีจนอายุได้ ๑๘ ปี นายชลัชฯ ได้มาพบกับอาจารย์เปลื้อง จำปาจีน (อาจารย์ คนที่ ๒) ใน อ.รัตนบุรี (เป็นอาจารย์ฆราวาสจอมขมังเวทย์ ซึ่งเป็นศิษย์เอกพ่อคำมา หงษ์ทอง) ได้ถวายตัวเป็นศิษย์และขอร่ำเรียนวิชากับ อ.เปลื้องฯ แต่ท่านไม่ได้สอนวิชาให้ง่ายๆ เพียงแค่ให้ติดตามท่าน จนเป็นเวลาเกือบ ๑ ปี จนกระทั่ง อ.เปลื้องฯ ได้พา นายชลัชฯ ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์พ่อคำมา หงษ์ทอง และได้ยกขันต์ขอถวายตัวเป็นลูกศิษย์ พ่อคำมาฯ จึงได้สักน้ำมันลงอักขระยันต์ในร่างกายของนายชลัชฯ เพื่อรับตัวเป็นลูกศิษย์ แต่พ่อคำมาฯในขณะนั้นท่านเริ่มมีอายุมากแล้วจึงได้ให้ อาจารย์เปลื้องฯ เป็นผู้สั่งสอนวิชาให้กับนายชลัชฯ สิ่งที่ท่านสั่งสอนคือ ไล่วิญญาณภูตผีปีศาจ การทำตระกรุด การเขียนอักขระเลขยันต์ และอาจารย์เปลื้องฯได้สักน้ำมันกุมารให้เพื่อเป็นสิ่งยืนยันว่าได้ร่ำเรียนวิชาครบถ้วนสมบูรณ์ตามตำราวิชาของพ่อคำมาฯ และพาไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับอาจารย์เหลือ พิจเพ็ง (อาจารย์ คนที่ ๓ ) ที่ อ.ปราสาทจ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นสหธรรมมิตรกับพ่อคำมาฯ และได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาการทำเมตตามหานิยม การทำปลัดขิก การเสริมดวงชะตา จนกระทั่งร่ำเรียนวิชาจนแตกฉาน ต่อมานายชลัชฯ ได้ไปเป็นโยมอุปฐาก ดูแลท่านพระครูปริยัติธรรมรังสี (อดีตเจ้าคณะ อ.เซกา จ.บึงกาฬ ขณะนั้นยังเป็น จว.หนองคาย) และได้ขอร่ำเรียนวิชาการทำนายดวงชะตาราศี ฤกษ์พานาที การทำนายเรื่องราวชีวิต ต่างๆ


🔘อุปสมบท

อุปสมบทครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๖ เมื่อครั้งอายุ ๒๑ ปี

เมื่อครบ 1 พรรษา พระอาจารย์ชลัชฯ จึงได้ขอลาสิกขาเพื่อช่วยการงานทางบ้าน

อุปสมบทครั้งที่สอง เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑

ณ วัดป่าสร้างพร้าว ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย โดยมีพระครูสิริธรรมมากรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูสุจิตธรรมนุกิจ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาคม ฐานทินโน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ขฺนติโก และได้เดินทางมาจำพรรษา ณ วัดป่าบ้านขามธรรมาราม อ.จอมพระ จ.สุรินทร์ เป็นเวลา ๒ พรรษา ต่อมาได้เดินทางไปพำนักจำพรรษา ณ วัดป่าสร้างพร้าว ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย เป็นเวลา ๕ พรรษา ในขณะที่ จำพรรษาที่วัดสร้างพร้าว ได้ศึกษาพระธรรมวินัย คำสอนของพระพุทธเจ้า อย่างแตกฉาน

เมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๕๗ พระอาจารย์ชลัชฯ ได้จาริกแสวงบุญ ปลีกวิเวกไปหลายจังหวัด ได้เดินธุดงค์ไปสถานที่ต่างๆที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ได้ออกเดินธุดงค์ไปยังแขวงคำม่วน ประเทศลาว จนได้มาพบอาจารย์สรวง (อาจารย์ฆราวาส) จึงได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาเกี่ยวกับการครอบขอขมาแม่ธรณีการถอดถอนสิ่งที่ไม่ดี ให้เปิดทางสำหรับผู้ที่จะสร้างที่พักอาศัยหรือเปิดกิจการร้านค้าต่างๆ ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขหรือ ให้เจริญรุ่งเรือง ถูกต้องตามตำราโบราณ จนพระอาจารย์ได้ศึกษาวิชาอย่างแตกฉาน จากนั้นพระอาจารย์ชลัชฯ จึงได้ออกเดินธุดงค์ต่อไปยัง จ.พระตะบอง หรือ บัตดอมบอง ประเทศกัมพูชา จนได้พบหลวงปู่สมบูรณ์(ภาษาไทย)ซึ่งหลวงปู่สมบูรณ์จะสื่อสารภาษาไทยได้เล็กน้อย ท่านได้เมตตาให้พระอาจารย์ชลัชฯ จำพรรษา ณ ที่วัด(จำชื่อวัดไม่ได้)หลวงปู่สมบูรณ์เห็นในความมุ่งมั่นของพระอาจารย์ชลัชฯ ท่านจึงได้สั่งสอนวิชาเกี่ยวกับว่านยาสมุนไพรต่างๆ ให้กับพระอาจารย์ชลัชฯ จนครบสมบูรณ์แบบตามตำราโบราณ

ต่อมา ปี พ.ศ.๒๕๕๘ พระอาจารย์ชลัชฯ ได้ออกเดินธุดงค์ ไปยังวัดถ้ำเขาน้อย ต.วังศาลา อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เพื่อร่ำเรียนวิชาศาสตร์จีนโบราณในการสร้างสภาพแวดล้อมในธรรมชาติกับความเป็นอยู่ของมนุษย์ให้มีความสมดุลและนำมาซึ่งความสำเร็จในชีวิต มีองค์ประกอบ ๕ ประการ ประกอบด้วย ดิน น้ำ ไฟ ไม้ โลหะ เป็นเวลา 1 พรรษา และช่วงออกพรรษาได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาทภูควายเงิน อ.เชียงคาน จ.เลย และพำนักอยู่ในป่าบนภูควายเงินเป็นเวลา ๖ เดือน

ปี พ.ศ.๒๕๖๐ จำพรรษาที่ สำนักสงฆ์ บ.หนองมะแปป ต.เรณูใต้ อ.เรณูนคร จ.นครพนม

ปี พ.ศ.๒๕๖๑ จำพรรษาที่ บ้านศาลา ต.นาหนาด อ.ธาตุพนม จ.นครพนม

ปี พ.ศ.๒๕๖๒ จำพรรษาที่ สำนักสงฆ์ บ.หนองมะแปป ต.เรณูใต้ อ.เรณูนคร จ.นครพนม

เมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๕ พระอาจารย์ชลัชฯ ได้มาพำนัก ณ วัดโพนสวรรค์ บ.นาฮุม ต.นาเลียง อ.นาแก จ.นครพนม และในวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ได้รับแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพนสวรรค์ จนถึงปัจจุบัน


🔘การศึกษา

๑.ระดับชั้นประถมศึกษา ณ โรงเรียนบ้านน้ำเขียว ต.น้ำเขียว

อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์

๒.ระดับชั้นมัธยมศึกษา ณ โรงเรียนท่าตูมประชาเสริมวิทย์

ต.ท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์

๓.ระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

จ.อุบลราชธานี


🔘การศึกษาทางพระปริยัติธรรม

๑.พ.ศ.๒๕๕๑ สอบได้นักธรรมชั้นตรี

๒.พ.ศ.๒๕๕๒ สอบได้นักธรรมชั้นโท

๓.พ.ศ.๒๕๕๓ สอบได้นักธรรมชั้นเอก


🔘การปกครอง

พ.ศ.๒๕๖๗ ได้รับตำแหน่งให้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดโพนสวรรค์ บ.นาฮุม ต.นาเลียง อ.นาแก จ.นครพนม


 
 
 

Kommentare


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page