ตำนานชีวิต103ปี"หลวงปู่แผ้ว"วัดรางหมัน เกจิสายเหนียว/"เทพเจ้าแห่งกำแพงแสน"
- อ.อนุชา ทรงศิริ

- 2 วันที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที
ตำนานชีวิต103ปี"หลวงปู่แผ้ว"วัดรางหมัน
เกจิสายเหนียว/"เทพเจ้าแห่งกำแพงแสน"
ทีมข่าวหนังสือพิมพ์"คัมภีร์นิวส์"น้อมถวายความอาลัยในการจากไปของพระราชมงคลวชิราคม "หลวงปู่แผ้ว ปวโร" วัดประชาราษฎร์บำรุง(รางหมัน) ต.รางพิกุล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งถึงแก่มรณภาพ
เมื่อเวลา 00.01 น. วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ณ กุฎิร่มเย็น สิริอายุ 103 ปี ท่านเป็น
ศิษย์เอกพุทธาคมหลวงพ่อหว่าง อดีตเจ้าอาวาสวัดกำแพงแสน ได้รับสมญานามว่า “เทพเจ้าแห่งกำแพงแสน"
ท่านเกิดในตระกูล “บุญวัตร” เมื่อวันพุธที่ 7 พ.ย. 2466 ณ หมู่บ้านหลักเมตร ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม บิดาชื่อ "พาน" มารดาชื่อ "จุ้ย" จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 3 จากโรงเรียนวัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ อ.บางแพ จ.ราชบุรี เมื่ออายุ 2 ขวบ ครอบครัวย้ายไปอยู่ ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน ยึดอาชีพทำนา พ่อแม่ท่านเป็นคนใจบุญ สนทนาธรรมะกับพระมิได้ขาด ปีพ.ศ. 2475 โยมพ่อได้ไปฝากเป็นศิษย์วัดหนองม่วงเรียนหนังสือกับพระสงฆ์ โดยอยู่ในความดูแลของ “หลวงพ่อหงส์” เจ้าอาวาสวัดหนองม่วง แต่ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน มาช่วยงานทางบ้าน
อายุ 20 ปี ได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2486 ณ วัดหนองปลาไหล อ.กำแพงแสน โดยมี พระครูสุกิจธรรมสร (พระอธิการหว่าง ธัมมสโร) วัดกำแพงแสน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการปาน อารกฺโฆ วัดหนองปลาไหล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสนั่น วัดหนองปลาไหล เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ช่วงแรกท่านอยู่จำพรรษาที่วัดหนองปลาไหล 1 เดือน จากนั้นไปจำพรรษาที่วัดหนองม่วงอีก 8 พรรษา ทำหน้าที่สอนนักธรรมแก่พระภิกษุสงฆ์สามเณรภายในวัด ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 ท่านได้ย้ายมาเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม จำพรรษาอยู่ที่วัดปลักไม้ลาย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แล้วย้ายไปสอนพระปริยัติธรรม และจำพรรษาที่วัดสว่างชาติประชาบำรุง ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
ท่านตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมเอก หน้าที่รับผิดชอบยังคงเป็นครูสอนพระนักธรรมแก่พระภิกษุและสามเณร ต่อมาเจ้าอาวาสวัดลาสิกขา ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง 1-2 ปี ชาวบ้านรวมทั้งพระภิกษุและสามเณรต้องการให้หลวงปู่แผ้ว ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส แม้ท่านจะไม่ยินดีเท่าใดนัก โดยท่านได้จำพรรษาที่วัดกำแพงแสน มาตั้งแต่ปี 2502 จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2551จึงย้ายมาจำพรรษาที่วัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) จนวาระสุดท้ายของชีวิต
เมื่อครั้งท่านยังดำรงขันธ์ ต้องมีชื่อของหลวงปู่แผ้ว ร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลทุกรุ่น จนมีคำกล่าวว่า "วัตถุมงคลรุ่นใด หรือวัดใดสร้างแล้วไม่นิมนต์หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรกจะได้รับความนิยมน้อยกว่ารุ่นที่หลวงปู่แผ้วไปนั่งปรก"
ในระหว่างนั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงปู่แผ้วบอกว่า คาถาที่ใช้บริกรรมเป็นคาถาของ "หลวงพ่อหว่าง ธัมมสโร" อดีตเจ้าอาวาสซึ่งเป็นศิษย์สืบทอดวิชาจาก"หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก"อีกทอด โดยช่วงที่หลวงพ่อหว่างเป็นเจ้าอาวาสนั้น ท่านเก่งเรื่องหมอยา วัตถุมงคลของท่านก็เข้มขลังเป็นที่นิยม
ทั้งนี้ หลวงปู่แผ้วได้ศึกษาอยู่กับท่านจนกระทั่งมรณภาพ เมื่อได้รับกิจนิมนต์นั่งปรกจึงนำวิชาของหลวงพ่อหว่างมาใช้รวมกับวิชาวิปัสสนากรรมฐานที่ได้เรียนจากสำนักวัดมหาธาตุฯ สนามหลวง
ส่วนคาถาบริกรรมเพื่อให้เกิดความเข้มขลังนั้น หลวงปู่แผ้วบอกว่า มีบทเดียว แต่สร้อยของพระคาถาต่างๆมีหลายแบบ เช่น อาจจะบริกรรมว่า "พุทธังหลีก ธัมมังหลีก สังฆังหลีก" บ้างก็บริกรรมว่า "พุทธังแหวก ธัมมังแหวก สังฆังแหวก" หรืออาจจะบริกรรมว่า "พุทธังแคล้ว คลาด สังฆังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด"
คาถาเหล่านี้พระรุ่นใหม่ๆ ที่มานั่งปรกปลุกเสกวัตถุมงคลมักจะมาสอบถามเป็นประจำโดยได้บอกไปทุกครั้ง และก็พระบางรูปมีการไปแปลงเป็น "พุทธังลอด ธัมมังลอด สังฆังลอด" หรือ "พุทธังปลอดภัย ธัมมังปลอดภัย สังฆังปลอด ภัย" ซึ่งสรุปแล้วคาถาเหล่านี้คือ คุณพระรัตน ตรัยนั่นเอง
วัตถุมงคลของหลวงปู่แผ้วที่ได้รับอนุญาตให้สร้างและท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก นับแต่ยุคแรกๆจนถึงปัจจุบันล้วนเป็นที่ต้องการของศิษยานุศิษย์ และบรรดานักสะสมพระเครื่องเมืองนครปฐม เพราะต่างเชื่อว่าเข้มขลังด้วยพุทธคุณ มีประสบการณ์จริงให้เห็น ส่งผลให้ราคาเช่าหาบางรุ่นบางชนิดพุ่งสูงแม้จะเพิ่งสร้างใหม่ นับเป็นเกจิสายเหนียวอีกองค์ของเมืองเจดีย์ใหญ่








ความคิดเห็น