ตำนานชีวิต64ปี"หลวงพ่อเจริญ"วัดโนนสว่าง อดีตเจ้าคณะอำเภอหนองวัวซอ(ธรรมยุต) ผู้สืบสานวิทยาคมโบราณผึ้งพันน้ำมันหมื่น
- อ.อนุชา ทรงศิริ

- 6 นาทีที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที
ตำนานชีวิต64ปี"หลวงพ่อเจริญ"วัดโนนสว่าง
อดีตเจ้าคณะอำเภอหนองวัวซอ(ธรรมยุต)
ผู้สืบสานวิทยาคมโบราณผึ้งพันน้ำมันหมื่น
วงการสงฆ์ภาคอีสานสูญเสียพระดีเกจิดังอีกองค์...ทีมข่าว"คัมภีร์นิวส์"ขอน้อมกราบถวายความอาลัยแด่พระพิพัฒน์วชิราคม (หลวงพ่อเจริญ ฐานยุตโต) อดีตเจ้าคณะอำเภอหนองวัวซอ(ธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดโนนสว่าง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ซึ่งละสังขารเมื่อเวลา 05.58 น. ในวันที่ 26 ธันวาคม 2568 ณ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี สิริอายุ 64 ปี โดยมีกำหนดการเคลื่อนสรีระสังขารจากโรงพยาบาลไปยังวัดโนนสว่าง ในวันที่ 27 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 11.00 น.
ท่านมีนามเดิมว่า "เจริญ" นามสกุล "สารักษ์" เกิดเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2504 ที่บ้านหนองวัวซอ จ.อุดรธานี บิดาเป็นชาวอุบลราชธานี ชื่อ"นายสงวน" มารดาเป็นชาวบ้านเชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ชื่อนางฮวด เชื้อสายทางบิดาเป็นชาวอุบลราชธานีโดยกำเนิด เกี่ยวพันเป็นลูกหลานพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ และหลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน จ.หนองบัวลำภู มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 10 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 2 คน ท่านเป็นคนที่ 6
ท่านบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดบุญญานุสรณ์ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี โดยมีพระครูประสิทธิ์คณานุการ อดีตเจ้าคณะอำเภอหนองวัวซอ (ธรรมยุต) เป็นพระอุปัชฌาย์ ขณะเป็นสามเณรได้สนใจศึกษาหัดอ่านเขียนคัมภีร์ใบลานอักษรธรรมอีสานกับ"พ่อใหญ่มั่น"ผู้เฒ่าที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งสามารถอ่านเขียนและจารอักษรธรรมอีสานได้ อีกทั้งเป็นฆราวาสที่มีอาคม จึงได้เรียนอักษรธรรมและอาคมบ้างพอประมาณ ต่อมาจึงสามารถอ่านเขียนอักษรธรรมล้านนา และอักษรไทยน้อยได้จนแตกฉาน และสามารถจารหนังสือใบลานได้ตั้งแต่บรรพชาไม่ถึง 2 พรรษา
ด้วยความที่ไม่เข้าใจว่าทำไมชาวบ้านจึงนับถือภูตผีปีศาจ ท่านจึงศึกษาถึงที่มาที่ไปจนทราบว่าพระพุทธเจ้าทรงให้เลิกนับถือสิ่งเหล่านั้นและให้ถือพระรัตนตรัยแทน จึงเริ่มสนใจในวิชาพุทธาคมและเริ่มศึกษาควบคู่ไปกับการศึกษาข้อความในคัมภีร์จนกระทั่งเป็นผู้มีความรอบรู้ในเรื่องพระคัมภีร์อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพระสูตร เรื่องราวในทางธรรมะต่างๆ ตำรายาแผนไทยโบราณ ตำราดวงชะตา ตำราลงอักขระปลุกเสกต่างๆ
ต่อมาจึงถวายตัวเป็นศิษย์"พระอาจารย์สมพงษ์"หรือพระธรรมสังวร วัดพระพุทธบาทบัวบก อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เรียนวิชาลงตะกรุดโทนและวิชารักษาคนผู้ถูกมนต์ทำร้าย เป็นต้น และอาศัยอยู่กับหลวงปู่โถน (พระครูสถิตธรรมรัตน์) วัดโสกแจ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ได้เรียนวิชาลงตะกรุดหกกษัตริย์ วิชากบตายคารู วิชาลงนะหน้าทอง และอีกหลายอย่าง นอกจากนี้ยังได้อุปัฏฐากอยู่กับหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู เป็นต้น
เมื่ออายุ 20 ปีได้อุปสมบท ณ วัดป่าสามัคคีอุปถัมภ์ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย โดยมีพระครูสิริธรรมวัฒน์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินัยกิตติโสภณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูสุนทรนวกิจ วัดอรุณรังษี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ฐานยุตฺโต” ในคณะธรรมยุต จากนั้นไปจำพรรษาอยู่กับพระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่เมตตาหลวง) วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เรียนวิชาเมตตาหลวง ตำราเลขยันต์ คาถาลงตะกรุดโทน แคล้วคลาด ยันต์ตรีนิสิงเห และสอนให้บริกรรมธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ นะ มะ พะ ทะ หลายปีต่อมาขณะจำพรรษาอยู่วัดป่าพรรณานิคมได้พบหลวงปู่สาม อกิญจโน วัดป่าไตรวิเวก จ.สุรินทร์
เมื่อหลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดสิริสาลวัน จ.หนองบัวลำภู มรณภาพได้มาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพและได้รับนิมนต์ให้อยู่ต่อ ต่อมาพระครูพุทธศาสโนวาท (ชาลี) เจ้าอาวาสวัดศรีสว่าง (ชื่อวัดในขณะนั้น) ถึงแก่มรณภาพลง จึงอยู่ช่วยงานศพจนแล้วเสร็จ ชาวบ้านจึงอาราธนาให้จำพรรษาและช่วยพัฒนาวัดด้วยเพราะเป็นวัดในอำเภอบ้านเกิด จนกระทั่งได้รับแต่งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น"วัดโนนสว่าง" และจำพรรษาอยู่จนละสังขาร
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2537 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระครูสัญญาบัตรในชื่อ “พระครูพิพัฒน์วิทยาคม” วันที่ 3 ก.ค. 2567 ได้รับโปรดเกล้าฯพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสนาธุระที่่ "พระพิพัฒน์วชิราคม"
หลวงพ่อเจริญท่านเป็นที่เคารพนับถือและยอมรับในวงการพระเกจิอีกองค์ เพราะเป็นผู้หนึ่งที่ศึกษาและสืบสานตำราวิทยาคมโบราณ เช่น ผึ้งพันน้ำมันหมื่น เป็นต้น จึงได้รับนิมนต์ให้เป็นเจ้าพิธีสำคัญๆ ที่เน้นพิธีอีสานโบราณเสมอ ท่านได้ใช้สรรพวิชาพุทธาคมที่เล่าเรียนมาตั้งแต่เป็นสามเณรช่วยสงเคราะห์ชาวบ้านและพุทธศาสนิกชนทั่วไปตามกำลังที่มี ส่วการสร้างวัตถุมงคลและปลุกเสกวัตถุมงคลนั้น ท่านทำตามตำรับวิชาผึ้งพันน้ำมันหมื่น จนทำให้วัตถุมงคลเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ควรแก่การนำไปสักการบูชา














ความคิดเห็น