top of page
ค้นหา

"หลวงปู่สมบุญ ปิยธัมโม" วัดลำพันบอง เกจิ5แผ่นดินเมืองสุพรรณ-อายุยืน102ปี พลังศรัทธาบารมี

  • รูปภาพนักเขียน: อ.อนุชา ทรงศิริ
    อ.อนุชา ทรงศิริ
  • 21 ก.ย. 2566
  • ยาว 2 นาที

"หลวงปู่สมบุญ ปิยธัมโม" วัดลำพันบอง

เกจิ5แผ่นดินเมืองสุพรรณ-อายุยืน102ปี

พลังศรัทธาบารมีเปิดสุดๆ/วัตถุมงคลมาแรง!

ในห้วงเวลานี้ถือว่าท่านเป็นพระเกจิอาวุโสที่มาแรงสุดๆ สำหรับพระครูสุวรรณธรรมานุยุต หรือ "หลวงปู่สมบุญ ปิยธมโม" อายุ 102ปี เจ้าอาวาสวัดลำพันบอง ต. หนองโพธิ์ อ.หนองหญ้าไซ จ. สุพรรณบุรี เกจิดังร่วมสมัยกับ"หลวงปู่พัฒน์ ปุญญกาโม" วัดธารทหาร(ห้วยด้วน) จ.นครสวรรค์ กล่าวได้ว่า บารมีท่านเปิดสุดๆ ถนนทุกสายวิ่งเข้าเมืองสุพรรณฯ บรรดานักสร้างต่างพุ่งเป้าเข้าไปขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคล

ทีมข่าวกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คัมภีร์นิวส์ ขอร่วมเผยแพร่ประวัติเกียรติคุณของพระดีเกจิดัง 5แผ่นดินแห่งเมืองสุพรรณ ตำนานขุนช้างขุนแผน...พระครูสุวรรณธรรมานุยุต หรือ "หลวงปู่สมบุญ ปิยธมโม" อายุ 102ปี เจ้าอาวาสวัดลำพันบอง ต. หนองโพธิ์ อ.หนองหญ้าไซ จ. สุพรรณบุรี ศิษย์เอกพุทธาคมหลวงปู่กัณหา อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสะแกและวัดดอนมะเกลือ

ที่สำคัญ หลวงปู่สมบุญท่านเกิดเดือนเดียวและปีเดียวกับ"หลวงปู่พัฒน์ ปุญญกาโม" วัดธารทหาร(ห้วยด้วน) จ.นครสวรรค์ คือเดือนพฤษภาคม ปีพ.ศ.2465 ท่านทั้งสองจึงนับเป็นเกจิ5อาจารย์แผ่นดินที่มีอายุยืนยาวย่างเข้า 102 ปี

ท่านเป็นคนไทยเชื้อสายลาว เกิดเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2465 ปีจอ ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านหนองอีเงิน ต.ห้วยขมิ้น อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี (ปัจจุบันอยู่ในเขต อ.ด่านช้าง)

บิดาชื่อ"นายคำ" มารดาชื่อ "นางถิน" นามสกุล"ชมชื่น" อาชีพทำไร่ ทำนา ท่านเป็นลูกคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งสิ้น 6 คน

ในวัยเด็กเรียนหนังสือกับพระที่วัดวังกุ่ม ต.ห้วยขมิ้น ประมาณ 1 ปี เมื่ออายุครบ 20 ปีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดป่าสะแก อ. เดิมบาง จ. สุพรรณบุรี โดยมีพระครูวิสิทธิ์สิทธิการ (หลวงพ่อเพชร ) เจ้าอาวาสวัดป่าสะแก เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อรวม รองเจ้าอาวาส วัดป่าสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อกัณหา เจ้าอาวาส วัดดอนมะเกลือ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "ปิยธมโม"

หลังบวชได้อยู่จำพรรษาที่วัดป่าสะแก ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติธรรม เรียนภาษาบาลีด้วยความเคร่งครัด ก่อนย้ายไปจำพรรษาอยู่อีกหลายวัด เช่น วัดดอนมะเกลือ,วัดวังคัน, วัดวังกุ่ม, วัดดอนเก้า โดยในปีพ.ศ. 2497 ท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนมะเกลือ รวมเวลาในการจาริกจำพรรษายังอารามต่างๆ ประมาณ 13 พรรษาเศษ

ปี พ.ศ. 2499 ท่านได้ลาสิกขาบทเพื่อมาดูแลโยมทั้งสองที่ชราภาพ และได้แต่งงานมีครอบครัว มีบุตร 1 คน แล้วย้ายนิวาสถานมาเปิดกิจการขายของที่บ้านทับละคร เขตอ.ด่านช้าง ต่อมาภรรยาและบุตรได้เสียชีวิตลงทั้งคู่ด้วยไข้ป่า

ต้นปีพ.ศ. 2501 ท่านจึงอุปสมบทอีกครั้งที่วัดป่าสะแก โดยมี พระอธิการกัณหา วัดป่าสะแก เป็นพระอุปัชฌาย์ (ภายหลังได้รับสมณศักดิ์ที่ พระครูสุขุมวิหารการ เจ้าคณะตำบลป่าสะแก) หลวงพ่อมณเฑียร วัดบ่อกรุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อเกลียว วัดดอนตาล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "ปิยธัมโม"

จากนั้นได้จำพรรษาที่วัดป่าสะแก ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิชาอาคมต่างๆกับหลวงพ่อกัณหา เช่น วิชาเขียนเลขยันต์ วิชาทำตะกรุด วิชาทำน้ำมนต์ ไล่ภูตผีปีศาจ แก้คุณไสยวิชา เมตตามหานิยมวิชา คงกระพันชาตรี วิชานั่งกรรมฐานและวิชาแพทย์แผนโบราณ โดยออกธุดงค์รับใช้ครูบาอาจารย์ทุกๆปี

ต่มาได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดวังคอไห 1 พรรษา ย้ายไปวัดดอนมะเกลือ 2 พรรษา แล้วย้ายกลับมาอยู่วัดป่าสะแกอีก 4 พรรษา จนล่วงถึงปีพ.ศ.2507 จึงรับอาราธนามารักษาการเจ้าอาวาส วัดลำพันบอง เขต อ.หนองหญ้าไซ ซึ่งทรุดโทรมอย่างหนักในขณะนั้น ท่านและชาวบ้านได้ช่วยกันปฏิสังขรณ์เสนาสนะ กุฏิสงฆ์และอื่นๆ ตลอดจนพัฒนาถนนรอบๆบริเวณ วัดให้ชาวบ้านสัญจรไปมาอย่างสะดวกสบาย จนเป็นศูนย์รวมของชาวบ้านทั้งไกลและใกล้

จนกระทั่งวันที่ 3 ส.ค. 2511 ท่านจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดลำพันบอง ปีพ.ศ. 2519 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวน ปีพ.ศ. 2526 ได้รับแต่งตั้งเป็น พระอุปัชฌาย์ ปีพ.ศ. 2535 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นโทที่"พระครูสุวรรณธรรมานุยุต" ปีพ.ศ. 2553 เลื่อนเป็นพระครูชั้นเอกในราชทินนามเดิม

หลวงปู่สมบุญท่านเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จิตใจดี มีเมตตาธรรม ดำรงตนอย่างสมถะ อยู่อย่างเรียบง่าย ท่านชอบเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่อย่างพระธรรมดา เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติ

กิจวัตรที่ท่านกระทำมาโดยตลอดจนกระทั่งถึงวัยชราคือ การปัดกวาดลานวัด เมื่อถึงเวลาเย็นท่านจะเดินถือเสียมประจำตัวลงมานั่งยองๆ เพื่อถากหญ้าอยู่กลางลานวัด เป็นที่ชินตามาอย่างยาวนาน

"ชานหมาก"หลวงปู่มีชื่อเสียงเรื่องกันเขี้ยว งา และพิษของสัตว์ร้าย ชาวบ้านแถวนั้นมีอาชีพทำไร่เป็นส่วนมาก มีหลายครั้งที่เผลอเหยียบงูโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "งูมันอ้าปากบ่ขึ้น" นั่นก็คืองูเห่าแผ่แม่เบี้ยและฉกกัดชาวบ้านแต่ฉกในลักษณะที่ปากหุบอยู่นั่นเอง มีหลายคนที่นำเรื่องราวไปถามหลวงปู่ แต่กลับได้รับคำตอบวว่า "งูมันเฒ่า มันบ่มีแค่ว" หมายถึงว่างูเหล่านั้นมันแก่แล้ว ไม่มีเขี้ยวไม่มีฟัน ซึ่งจะเห็นได้ถึงความถ่อมตนของท่านนั่นเอง

ในด้านวัตถุมงคลท่านจัดสร้างไว้หลายชนิด เช่น เหรียญ, รูปหล่อ, พระสมเด็จตะกรุดสามดอก, ตะกรุดคงกระพัน, สิงห์มหาอำนาจ, ผ้ายันต์หงส์คู่ ฯลฯ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างมีประสบการณ์แรงที่สุด ขลังที่สุดอีกสายหนึ่งของจังหวัดสุพรรณบุรี ทีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาด คงกระพัน ที่กล่าวขานกันไว้หลายเหตุการณ์

อาทิ ปีพ.ศ 2539 ชาวลำพันบอง5คน จากจังหวัดกำแพงเพชร เดินทางมาทอดกฐินที่วัดลำพันบอง ขากลับรถเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต 1ราย เพราะไม่ได้ขึ้นไปรับวัตถุมงคลจากหลวงปู่สมบุญ เนื่องจากนั่งดื่มสุรา ส่วนญาติที่เหลือ4รายปลอดภัยเพราะขึ้นไปรับวัตถุมงคลเหรียญพระใบฎีกาหลวงปู่สมบุญ

ปี2545 ชาวบ้านหมู่ 8 บ้านลำพันบอง ถูกโจรชิงทรัพย์ แต่ต่อสู้ขัดขืน ถูกคนร้ายยิงด้วยปืนสั้นแต่ไม่เข้าเป็นเพียงรอยช้ำๆเท่านั้น เพราะคล้องเหรียญรุ่นพิเศษหลวงปู่สมบุญ

ปี 2553 ภรรยาสารวัตรกำนัน บ้านทุ่งกันเหลือง หมู่ 5 ต.ป่าสะแก อ.เดิมบางนางบวช ถูกงูจงอางกัดมีเพียงรอยช้ำๆของเขี้ยวงูจงเท่านั้น เพราะสวมแหวนหลวงพ่อสมบุญ

"พระสมเด็จรุ่นโป้งเปรี๊ยะ"มีประสบการณ์ฮือฮาอีกรุ่น ซึ่งเป็นรุ่นที่มีการปล้นรถจักรยาน ยนต์แล้วยิงผู้เสียหายซึ่งสวมใส่วัตถุมงคลเป็นพระสมเด็จรุ่นนี้ แล้วยิงไม่ออก มีแต่เพียงเสียงสับไก เปรี๊ยะๆเท่านั้น

อีกรายที่มีบันทึกไว้ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลหนองหญ้าไซ จ.สุพรรณบุรี วัยรุ่นชายอายุ 25ปีเดินเที่ยวงานปิดทองฝังลูกนิมิตวัดสามัคคีธรรม ถูกคู่กรณีใช้ปืนลูกซองยิงกลางหน้าอก มีแผลกระจายทั่ว หลังจากนั้นผู้บาดเจ็บล้มลง ผู้พบเห็น และตำรวจ สภอ. หนองหญ้าไซนำส่งโรงพยาบาล จากการตรวจร่างกายพบบาดแผลกระสุนปืนเป็นรอยจ้ำถลอก 6 รอยบริเวณใกล้ซอกรักแร้แถบซ้าย และบาดแผลกระสุนปืนเป็นรอยจ้ำถลอก 29 รอย กระจายทั่วบริเวณกลางหน้าอก ในคอพบเพียงเหรียญหลวงปู่สมบุญเท่านั้น

สำหรับศิษย์สืบทอดวิชาสายตรงของหลวงปู่สมบุญที่มีชื่อเสียงอยู่ในปัจจุบันคือ "พระมหามนพ กิตฺติมโน"เจ้าอาวาสวัดพังม่วง หมู่ 3 ต.วังน้ำซับ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี พระเกจิหนุ่มนักพัฒนา มีชื่อเสียงในเรื่องการเจิม"ยันต์ฝ่ามือนะเศรษฐี" โดยหลวงปู่สมบุญเมตตารับเป็นศิษย์ เมื่อมีงานนั่งปรกอธิษฐานจิตที่วัดลำพันบองครั้งใด ท่านก็จะนิมนต์พระมหามนพไปด้วย


 
 
 

โพสต์ล่าสุด

ดูทั้งหมด

Comments


  • generic-social-link
  • generic-social-link
  • youtube

©2020 by kampeenews. Proudly created with Wix.com

เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดสระบุรี คนทั่วไปจะต้องคิดถึง “รอยพระพุทธบาท” ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่ง เดียวในประเทศไทย ที่มีรอยพระพุทธบาทของแท้ประทับรอยอยู่ ในแต่ละปีจะมีทั้งพระภิกษุสามเณรและบุคคลทั่วไป ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตั้งใจเดินทางมากราบนมัสการ เพราะถือว่าหากได้เดินทางไปกราบรอยพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีแล้ว เป็นมงคลสูงสุดในชีวิตก็ว่าได้

 ไม่ใช่ว่าสระบุรีจะมีแต่สถานที่เท่านั้นที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเกจิอาจารย์ของสระบุรีที่มากไปด้วยประสบการณ์ ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันโด่งดังไปทั่วภูมิภาคและในท้องถิ่นมีอยู่เป็นจำนวนมาก อาทิ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ, พระอุปัชฌาย์กาน วัดโคกโพธิ์, อุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา, หลวงพ่อลา วัดแก่งคอย, หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง เป็นต้น

 และยังมีพระสงฆ์ผู้ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ข้อวัตรงดงามยิ่ง โดยเฉพาะวางอุเบกขาได้อย่างยอดเยี่ยม เปี่ยมด้วยความเมตตาบารมีแก่คนทุกชั้นทุกกระดับอย่างเสมอภาค พระสงฆ์รูปนั้นคือ “พระครูอรรถธรรมาทร” หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า “หลวงพ่อเฮ็น แห่งวัดดอนทอง” ตำบลดงตะงาว อำเภอดอนพุด จังหวัดสระบุรี ปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านถึงจะสร้างไว้ไม่เก่ามาก แต่ความนิยมในหมู่นักสะสมก็ไม่ธรรมดา

 โดยเฉพาะ “เหรียญรุ่นแรก” และ “พระกริ่งดอนทอง” สนนราคาเล่นหาสูงขึ้นเรื่อย

 ตามประวัติ หลวงพ่อเฮ็นท่านถือกำเนิดเมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2454 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือน 1 ปีกุน ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โยมบิดาชื่อนายอยู่ โยมมารดาชื่อนางเขียว ศิริวงษ์ ซึ่งมีอาชีพเกษตรกร

 เมื่ออายุได้ 8 ขวบได้ ไปศึกษาอักขระสมัยทั้งไทยและขอมกับพระอาจารย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งอยู่ไกล้บ้านของท่าน พออ่านออกเขียนได้ก็ลาจากวัดมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ ท่านเป็นคนที่มีร่างกายแข็งแรง ใจคอกล้าหาญอดทนกว้างขวางมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาก ยุคนั้นบ้านกะวาปาลาย แขวงเมืองกำพงธม เป็นแดนนักเลงหัวไม้ มีทั้งชนไก่กัดปลา ข้องอ้อย ฯลฯ เวลามีงานวัดมักจะนัดตีกันเป็นประจำ

 สำหรับนายเฮ็นพรรคพวกเพื่อนฝูงย่องให้เป็นลูกพี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บิดามารดาวิตกเกรงว่าหนทางข้างหน้าอาจจะเสียคน เพราะคบเพื่อนไม่เลือกว่าคนดีคนพาล ต่อมาเมื่อวันพุธที่ 9 ธันวาคม 2474 ปีมะแม เมื่อนายเฮ็นมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงทำการอุปสมบทให้ ณ พัทสีมาวัดพรรณนารายณ์ ตำบลกะวา อำเภอปาลาย แขวงเมืองกัมพงธม ประเทศกัมพูชา (เขมร) โดยมี พระอุปัชฌาย์แก้ว วัดพรรณนารายณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์มั่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอุปัชฌาย์ให้ฉายว่า “สิริวังโส”

 เมื่อบวชแล้วก็จำพรรษาอยู่ที่วัดพรรณนารายณ์ ทำอุปัชฌาย์วัตรอาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ และศึกษาพระธรรมวินัยท่องบ่นสวดมนต์จนจบทุกยุคทุกคัมภีร์ มีอุตสาหะจดจำได้แม่นยำและเกิดเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนายิ่ง

 สิ่งสำคัญได้ศึกษาเล่าเรียนในด้านคาถาอาคมจนมีความชำนาญ เจนจัดด้านวิชาแขนงต่างๆ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงพ่อแก้ว วัดพรรณนารายณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์แล้ว ท่านจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์รอนแรมมาตามป่าและภูเขาเพื่อแสวงหาที่สงบวิเวกบำเพ็ญสมณธรรม และปฏิบัติสมถวิปัสสนากัมมัฏฐาน

 ต่อมาได้อยู่จำพรรษาที่ “วัดดอนทอง” เมื่อปี 2479 ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่นั่นได้เป็นที่ศรัทธาของชาวบ้านดอนทองมาก ด้วยมีศีลาจารวัตรงดงาม ครั้นเมื่อ หลวงพ่อแพ เจ้าอาวาสวัดดอนทอง มรณภาพลง ชาวบ้านได้นิมนต์หลวงพ่อเฮ็น ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมา ปี 2535 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูอรรถธรรมทร”

 หลวงพ่อเฮ็น ได้สร้างมงคลวัตถุไว้หลายรุ่นหลายแบบ อาทิ ผ้ายันต์อุษาสวรรค์ มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม มีความเชื่อว่า เมื่อต้องการใช้ก่อนออกจากบ้าน ให้นำผ้ายันต์อุษาสวรรค์ เช็ดหน้าจากซ้ายไปขวาสามครั้ง ว่ากันว่าจะมีเสน่ห์ไปตลอดทั้งวัน

 หลวงพ่อเฮ็นมรณภาพเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2543 สิริอายุได้ 89 ปี

 สำหรับวัตถุมงคล “ผ้ายันต์อุษาสวรรค์” นั้น เซียนพระเครื่องต่างเสาะแสวงหาสะสมกันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เหรียญรุ่นแรก “เหรียญเสมาหลวงพ่อเฮ็นรุ่นแรก ปี 2529” ยังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คณะศิษย์จัดสร้างถวายมุทิตาสักการะในโอกาสครบรอบอายุ 75 ปี ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูปใบเสมา มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเหรียญเนื้อทองแดง

 ด้านหน้าเหรียญตรงกลาง เป็นรูปเหมือนหลวงพ่อเฮ็นนั่งขัดสมาธิเต็มองค์บนอาสนะ 3 ชั้น ด้านใต้ฐานอาสนะเขียนคำว่า “หลวงพ่อเฮ็น สุวรรณศรัทธา” ด้านในขอบโค้งใบเสมาด้านซ้ายล่าง เขียนว่า “พ.ศ.๒๕๒๙” ส่วนด้านขวาของเหรียญเขียนว่า “อายุ ๗๕ ปี” ด้านหลังเหรียญ ตรงกลาง เป็นยันต์ ด้านบนยันต์เขียนว่า “วัดดอนทอง” ขอบโค้งด้านล่าง เขียนคำว่า “ต.ดงตะงาว กิ่ง อ.ดอนพุด จ.สระบุรี” ถือเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมในวงการ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้านทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย

 ส่วนวัตถุมงคลที่กำลังมาแรงอีกพิมพ์ "พระกริ่งดอนทอง" เป็นรุ่นแรกที่สร้างในวาระหลวงพ่อเฮ็น ครบ 7 รอบ 84 ปี นับเป็นวัตถุมงคลรุ่นพิเศษ ที่ท่านได้มอบหมายให้สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันสมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งด้านรูปลักษณ์พิมพ์ทรงที่ได้เน้นความสวยงามคมชัด รวมทั้งในด้านเนื้อหาซึ่งได้มอบชนวนมวลสารศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งแผ่นจารตะกรุดสามพี่น้องของหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง ชนวนกริ่งญาณวิทยาคมพร้อมตะกรุดสาม กษัตริย์ของหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา และแผ่นจารตะกรุดสามกษัตริย์ของหลวงพ่อเฮ็น

 ทั้งหมดได้นำมาหลอมผสมผสานเพื่อให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ ทรงคุณวิเศษยิ่งควรค่าแก่การบูชา ได้ผ่านพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2537 จุดประสงค์ในการสร้างเพื่อสมทบทุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ สมทบทุนอาหารกลางวัน และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ วัตถุมงคลรุ่นนี้ผู้ที่มีไว้ครอบครองเคยมีประสบการณ์กันมาแล้วในหลายๆด้าน เด่นทางเมตตา มหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาด โชคลาภ

 “พระกริ่งดอนทองรุ่นแรก” ที่จัดสร้างขึ้นเนื้อทองคำ สร้างจำนวน 84 องค์ เนื้อเงินจำนวน 500 องค์ เนื้อนวะจำนวน 500 องค์ เนื้อทองเหลืองจำนวน 200 องค์ ด้านหลังตอกโค้ด “นะ พุท ธา” ชัดเจน เป็นวัตถุมงคลที่มาแรง พิมพ์สวยมีอนาคต ของปลอมแปลงยังไม่มี สนนราคาวิ่งแบบไม่คงที่ ขึ้นติดอยู่ในระดับหลักพันกลางๆ  

 วัตถุมงคลของหลวงพ่อเฮ็นจึงเปี่ยมล้นด้านพุทธคุณ ทั้งคลาดแคล้วคงกระพันชาตรี, เมตตาค้าขายมหาเสน่ห์ และแก้อาถรรพณ์มนต์ดำขับไล่เสนียดจัญไรทั้งปวง เก็บสะสมไว้ไม่มีคำว่าผิดหวัง ในไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นวัตถุมงคลที่มากด้วยราคาและหายากยิ่ง

 นักสะสมมือใหม่รีบหาไว้บูชาด่วน!!!

bottom of page